ทิพยประกันภัย เล็งปรับพอร์ตลงทุนหุ้นเพิ่ม หลังหุ้นไทยทะลุ 1,200 จุด คาดเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีส่วนทางกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ขณะเดียวกันเดินหน้าเจราจาประกันภัยต่อต่างชาติ หวังขยายวงเงินคุ้มครองมากว่ากองทุนภัยพิบัติ สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้ามากขึ้น
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยว่า จากแนวโน้มและผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีทิศทางดีกว่าในปีก่อนหน้านี้ ทางบริษัทจึงเตรียมปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 10% และคาดว่าจะทำได้ไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 18,000 ล้านบาท และมีการลงทุนในตลาดหุ้นประมาณ 10% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท
"ทิศทางการลงทุนในหลักทรัพย์ปีนี้อยู่ในระดับดี ล่าสุด ดัชนีหุ้นไทยสามารถขยับขึ้นแตะที่ระดับ1,200 จุดได้ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ บริษัทมองว่าเป็นทิศทางที่ดีที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่ม เพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง"
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนให้ที่ปรึกษาทางการลงทุนอย่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เข้ามาดูแลการลงทุนแทนบริษัทอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท หลังจากผลการบริหารจัดการพอร์อตลงทุนดังกล่าวของบลจ.สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้ค่อนข้างดีกว่าบริษัทบริหารจัดการเอง
นายสมพร กล่าวอีกว่า แผนการปรับสัดส่วนเม็ดเงินลงทุนไปยังบลจ.ที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้กับบริษัทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในการจัดสรรเม็ดเงินดังกล่าว ส่วนบลจ.ที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการพอร์ตลงทุนในหุ้นของบริษัทประกอบด้วย บลจ.กรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTAM และบลจ.ทิสโก้ จำกัด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปีนี้ดีกว่าช่วงปีที่ผ่านมาแน่นอน
"เดิมบริษัทลงทุนในหุ้นน้อยมากประมาณ 1,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่ด้วยทิศทางการลงทุนใหม่ที่เน้นผลตอบแทนมากขึ้น บริษัทเห็นว่าการลงทุนในหุ้นสามารถสร้kงผลตอบแทนได้ดี และเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนโดยการจ้างบลจ.เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้และช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาจึงตัดสินใจลงทุนในหุ้นเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาทและจากผลตอบแทนที่ได้ ส่งผลให้บริษัทเตรียมขยับพอร์ตลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างผลตอบแทนในช่วงดอกเบี้ยต่ำ"
นายสมพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ หรือ รีอินชัวร์เรอส์ ในส่วนของการกำหนดค่าเบี้ยรับประกันภัยพิบัติส่วนเกินที่ลูกค้าซื้อกรมธรรม์เกินวงเงินที่กองทุนประกันภัยพิบัติกำหนดสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ 100,000 บาทต่อหลัง ทั้งนี้ รับว่ากรมธรรม์ภัยพิบัติสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่บริษัทรับประกันในส่วนที่เกินวงเงิน 100,000 บาทต่อหลังนั้น บริษัทจะรับประกันสูงสุดไม่เกินหลังละ 5 ล้านบาท หรือรับประกันประมาณ 30% ของมูลค่าบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท
สำหรับการร่วมโครงการกองทุนภัยพิบัติในการเปิดจำหน่ายกรมธรรม์ภัยพิบัตินั้น บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขยายดังกล่าวปีนี้ไว้ที่ 400-500 ล้านบาท โดยจะกระจายไปยังทุกพื้นที่ทั้งในส่วนของ ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กรวมถึงธุรกิจขนาดใหญ่ หรือเติบโตประมาณ 20% พร้อมกันนี้บริษัทได้ซื้อความเสี่ยงกับบริษัทรับประกันนภัยต่อต่างประเทศ หรือ รีอินชัวร์เรอส์ สูงถึง 2,000 ล้านบาท