xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปรับฐานดันยอดซื้อ LTF พุ่ง กสิกรไทยแนะทยอยซื้อตั้งแต่ต้นปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อำพล โพธิ์โลหะกุล
 บลจ.กสิกรไทย ปลื้มผู้ลงทุนจับจังหวะเป๊ะ แนะทยอยซื้อตั้งแต่ต้นปี รับโอกาสดีจากตลาดหุ้นไทยเนื้อหอม พร้อมรับโปรโมชั่นจัดหนัก “คูณ 4” เผยทัพ LTF ยังแกร่งผลตอบแทนแซงตลาด

นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการขายทำกำไรค่อนข้างมากในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับฐานลงจนหลุดระดับ 1,200 จุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ยอดขายกองทุน LTF ในช่วงดังกล่าวของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าร่วม 50% สะท้อนชัดถึงความเข้าใจของผู้ลงทุนในการจับจังหวะเข้าซื้อ ซึ่งบลจ. กสิกรไทย มองว่า การที่หุ้นปรับตัวลงไปเป็นเพียงการปรับฐานในช่วงสั้น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยรองรับเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาสุทธิกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท และปรับตัวขึ้นมาเกือบ 17% แล้ว จึงเป็นช่วงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าในระยะสั้นจะได้รับปัจจัยบวกจากข่าวดีในสหรัฐฯและยุโรป แต่จากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้วตั้งแต่ต้นปี จึงคาดว่าน่าจะมีการปรับฐานลงได้อีกในช่วงสั้นๆ ซึ่งเป็นจังหวะทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF และกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเพิ่มเติม เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากโอกาสการปรับตัวขึ้นของดัชนีในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ บลจ. กสิกรไทย มองการปรับตัวลงของตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น แต่ยังไม่ใช่ fund outflow ออกจากประเทศ เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เช่น ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นมาที่ 13% หรืออินโดนีเซียเติบโตเพียง 5% อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นมามากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านแล้ว แต่ด้วยอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E Ratio ของตลาดหุ้นบ้านเรายังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า จึงเชื่อได้ว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับเพิ่มการประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นมาเป็น 5.7% จากเดิมซึ่งคาดการณ์ไว้เพียง 4.9% ในขณะที่ตลาดหุ้นของประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย แม้จะมีการปรับตัวขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับไทย แต่ราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้างแพงและอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งยังมีแนวโน้มที่รัฐบาลอาจจะหยุดการอุดหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและกระทบตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ส่วนฟิลิปปินส์ ซึ่งตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นประมาณ 16% ใกล้เคียงกับบ้านเรา ก็ยังมีปัญหาเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่ค่อนข้างมาก และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต โดย บลจ. กสิกรไทย ยังคงคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปีที่ 1,250-1,300 จุด

ด้านกองทุน LTF ของ บลจ. กสิกรไทย นายอำพลเปิดเผยว่า กองทุน LTF ส่วนใหญ่ของบริษัท ยังคงมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่เอาชนะผลตอบแทนจากตลาดหุ้น โดย ณ วันที่ 23 มีนาคม 2555 กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ให้โอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 18.49% กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว (KEQLTF) ให้ผลตอบแทนที่ 18.44% กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20LTF) และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) ให้ผลตอบแทนที่ 18.14% และ 18.09% ตามลำดับ สำหรับกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นอย่างกองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KEQRMF) ให้ผลตอบแทนที่ 18.39% ในขณะที่ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นอยู่ที่ประมาณ 16.49%

“สำหรับผู้ลงทุนที่ทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF และกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐานนี้ไม่เพียงจะได้ประโยชน์จากการสะสมโอกาสรับผลตอบจากตลาดหุ้นขาขึ้น แต่ยังได้ต้นทุนที่ประหยัดกว่าการลงทุนในช่วงปลายปีที่ดัชนีมักจะปรับตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งได้รับโปรโมชั่น Cash Back จาก บลจ. กสิกรไทย โดยลูกค้าสามารถสะสมยอดซื้อกองทุน LTF-RMF ตั้งแต่ 3 ม.ค. - 28 ธ.ค. 2555 เพื่อโอกาสรับ Cash Back สูงสุด 120,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่เลือกชำระค่าซื้อกองทุน LTF ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษสูงถึง 4 เท่า โดยค่าซื้อกองทุนทุกๆ 100 บาท จะได้รับคะแนนสะสมสูงถึง 4 คะแนน จากปกติที่ได้รับเพียง 1 คะแนนเท่านั้น” นายอำพลกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น