มนุษย์เงินเดือนเฮ กองทุนแอลทีเอฟ ได้เงินคืน 2 เด้ง ทั้งประหยัดภาษี และเงินปันผล "กสิกรไทย-ไทยพาณิชย์" พร้อมใจจ่ายปันผล หลังกำไรหุ้น จากอานิสงส์เงินไหลเข้า
นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย ยังคงมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในทิศทางบวก โดยได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มชัดเจนหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า GDP ปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 5.0% ซึ่งเมื่อผนวกกับ P/E ของตลาดหุ้นไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย จึงยังคงมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งหลังจากมาตรการช่วยเหลือกรีซตกลงกันได้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาประกาศปล่อยกู้ระยะยาวเสริมสภาพคล่องรอบที่ 2 ด้วยวงเงินกว่า 5.29 แสนล้านยูโร (21 ล้านล้านบาท) เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซอีกครั้งด้วยจำนวนเงินสูงถึง 1.3 แสนล้านยูโร ประกอบกับสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ โดยยังไม่มีมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ เชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะประเทศไทยอีกมากพอสมควร
ทั้งนี้ ในแง่ผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนแล้วถึง 13.64% ขณะที่กองทุน LTF ของ บลจ. กสิกรไทย ส่วนใหญ่ยังคงให้ผลตอบแทนที่เอาชนะผลตอบแทนจากตลาดหุ้น โดยกองทุน LTF ที่มีนโยบายจ่ายปันผลและให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ คือ KDLTF และ KGLTF ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ 16.03% และ 15.78% ตามลำดับ ทั้งนี้ บลจ. กสิกรไทย คาดการณ์ SET Index ปลายปีที่ประมาณ 1,250 - 1,300 จุด ซึ่งเมื่อเทียบกับดัชนีประมาณ 1,160 จุดในช่วงนี้แล้ว ถือว่ายังเป็นโอกาสที่สำหรับผู้ลงทุนในกองทุน LTF รวมถึง RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจะเริ่มทยอยเข้าลงทุนตั้งแต่ต้นปีเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากหุ้น
ล่าสุด บลจ. กสิกรไทย จะจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 กันยายน 2554 - 29 กุมภาพันธ์ 2555 ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) จ่ายเงินปันผลในอัตรากองทุนละ 0.53 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 3.71% และ 3.39% ตามลำดับ พร้อมด้วยกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ซึ่งจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.59 บาทต่อหน่วย คิดเป็น Dividend Yield 3.40% และกองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) จ่ายในอัตรา 0.34 บาทต่อหน่วย คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.24% โดยทุกกองทุนข้างต้นจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 กำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 มีนาคม นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 908 ล้านบาท
นายอำพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้นในช่วงต้นปี ไม่เพียงเป็นประโยชน์ในแง่ที่ผู้ลงทุนจะได้ซื้อกองทุนด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีที่ราคาหุ้นมักปรับตัวสูงขึ้นมากเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้รับโปรโมชั่นพิเศษจาก บลจ. กสิกรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่เลือกชำระค่าซื้อกองทุน LTF ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยภายใน 30 เมษายนนี้ จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษสูงถึง 4 เท่า คือ ค่าซื้อกองทุนทุกๆ 100 บาท จะได้รับคะแนนสะสมสูงถึง 4 คะแนน จากปกติที่ได้รับเพียง 1 คะแนนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถสะสมยอดซื้อกองทุน LTF-RMF ตั้งแต่ 3 ม.ค. - 28 ธ.ค. 2555 เพื่อโอกาสรับ Cash Back สูงสุด 120,000 บาทได้อีกด้วย
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 3 กองทุนพร้อมกันในวันที่ 9 มีนาคม 2555 ประกอบด้วยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLT4) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 จนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 รวมมูลค่าประมาณ 468 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 จะจ่ายปันผลรอบนี้ในอัตรา 0.27 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.14 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.24 บาทต่อหน่วย
สำหรับกองทุน LTF ทั้ง 3 กองทุนนี้ มีประวัติการจ่ายปันผลได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน โดยกอง SCBLT1 จ่ายครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 รวมจ่ายปันผล 2.4950 บาทต่อหน่วย กอง SCBLT4 เป็นครั้งที่ 5 รวม 0.9200 บาทต่อหน่วย และกอง SCBLTT จ่ายครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 รวมจ่ายปันผล 1.1800 บาทต่อหน่วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินอยู่ในระดับที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ
