บลจ.ธนชาต ร่วมวงขายอีทีเอฟส่งกองทุน "ธนชาตอีทีเอฟทองคำ" คาดไอพีโอสิ้นเดือนมีนาคมนี้ เผยเตรียมออกกองทุน PASSIVE FUND อีกเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน พร้อมประเมินหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโตต่อ มองเป้าดัชนีไว้ที่1,300 จุด
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต กล่าวว่า บริษัทเตรียมจะเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตอีทีเอฟทองคำ หรือ TGOLDETF ปลาเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% ในฮ่องกงและนำหน่วยลงทุนมาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะเสนอขายได้ปลายมี.ค.-เม.ย.2555 โดยมีโนวาสโกเทีย ฮ่องกงจะเป็นผู้ซื้อขายทองคำในฮ่องกงให้กับบริษัท และมีบริษัทหลักทรัพย์ธนชาตและ ฮั่วเซ่งเฮงเป็นผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนและดูแลสภาพคล่อง
อย่างไรก็ตามข้อดีของกองทุนดังกล่าวจะไม่แกว่งเหมือนกองทุนทองคำอื่นๆ เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในทองคำแท่ง ไม่ได้ลงทุนในหน่วยลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปัญหาราคาหน่วยลงทุนไม่สะท้อนราคาที่แท้จริงในบางวัน ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนทองคำ 4 กองทุนและลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง นอกจากนี้บริษัทจะออกกองทุนประเภท PASSIVE FUND ลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนีต่างๆ โดยช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.จะออกกองทุน PASSIVE เป็นกองแรกของบริษัทลงทุนใน SET50 และมีแผนจะออกอย่างต่อเนื่องลงทุนใน SET ลำ SET Dividend
สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยยังเป็นบวก หลังจากสภาพคล่องทั่วโลกมีอยู่สูงทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ จึงมีโอกาสที่จะเห็นดัชนี 1.250 จุดในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นไทยังไม่แพง พี/อี 12 เท่า ขณะที่ในอดีตเคยซื้อขายที่พี/อี 14 เท่าหรือประมาณ 1,300 กว่าจุด แต่ทั้งนี้นักลงทุนต้องจับตาดูสภาพคล่องว่ายังเข้าต่อเนื่องหรือไม่ และต้องระวังแรงขายทำกำไรด้วย
“สภาพคล่องในตลาดโลกมีค่อนข้างมาก ในขณะที่สหรัฐยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกนาน ทำให้เราอาจทบทวนเป้าดัชนีหุ้นไทยใหม่ จากเดิมมองสิ้นปีที่ 1,100-1,200 จุด”
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาจำนวนมาก ถือว่าตลาดหุ้นเกิดฟ้องสบู่เล็กๆ จึงต้องระวัง โดยต้องติดตาม 6-9 เดือนจากนี้บริษัทจดทะเบียนมีอัตรากำไรเติบโตดีดีหรือไม่ เพราะหากกำไรยังโตก็จะทำให้ราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่ไม่ได้สูงมากนัก
นายบุญชัย กล่าวว่า แผนงานของบริษัทในปี 2555 นั้นน่าจะเติบโตได้จากสิ้นปีที่ผ่านมาหลังจากกระบวนการควบรวมของธนาคารธนชาตกับธนาคารนครหลวงไทยเสร็จหมดแล้ว และคาดว่าจะโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2556 จากสิ้นปี 2554 มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้บริหารรวมประมาณแสนล้านบาทต้นๆ
“ที่ผ่านมาเราดินสายเพื่อไปหากลุ่มลูกค้าตามสาขาของธนาคารอย่างต่อเนื่องและจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากสาขาธนชาต 250 สาขาและได้สาขาที่มาจากธนาคารนครหลวงไทย 400 กว่าสาขา น่าจะขยายตัวได้มาก”นายบุญชัย กล่าว
สำหรับแผนการออกกองทุนในปีนี้จะให้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เนื่องจากลูกค้ามีหลายกลุ่มและต้องการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยในวันที่ 21-27 มี.ค.2555 บริษัทจะออกกองทุนหุ้น มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เน้นลงทุนหุ้นไทยที่มีความผันผวนต่ำกว่าตลาด โดยจะเป็นกองทุนที่มีกระแสเงินสดและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
“เวลาที่ตลาดหุ้นลดลง หุ้นเหล่านี้จะลงไม่มาก แต่ในช่วงที่หุ้นขึ้นหุ้นเหล่านี้ก็ไม่ได้ขึ้นแรงเมื่อเทียบกับดัชนีตลาด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนในเรื่องของปันผลสม่ำเสมอ โดยจากข้อมูลพบว่าหุ้นที่จะลงทุนให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 4-5% ต่อปี ซึ่งน่าสนใจ”นายบุญชัยกล่าว