บลจ.ธนชาต ใจดีจ่ายปันผลกองทุน "ธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล" ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยรอรับพร้อมกัน 1 กุมภาพันธ์ นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล หรือ LTFD มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนดังกล่าวครั้งที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินปันผลสำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ของกองทุนดังกล่าว ในอัตราหน่วยละ 0.25 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยที่มีชื่อปรากฎอยู่ในสมุดทะเลียน ณ วันที่ 20 มกราคม 2555 โดยกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 นี้
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 27 มกราคม 2555 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 962.30 ล้านบาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 15.61 บาท โดยในช่วงปีที่ผ่านมา กองทุนได้จ่ายปันผลไปแล้วแมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ในจำนวน 1 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งผลการดำเนินงานใรายไตรมาสต่อรายปีนั้น ไตรมาส 1/2554 กองทุนมีผลการดำเนินงาน 0.70% ไตรมาส 2 อยู่ที่ -0.59% ไตรมาส 3 อยู่ที่ -11.23% ไตรมาส4 อยู่ที่ 9% รวมตลอดทั้งปีอยู่ที่ -3.14%
โดยในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมากองทุนได้เข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 20.76% กลุ่มธนาคาร 15.69% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 7.95% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 7.88% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 7.88% และกลุ่มอื่น ๆ ที่ 23.57% รวมทั้งสิ้น 83.73% ขณะที่พันธบัตรรัฐวิสาหกิจลงทุนที่ 12.43% และเงินฝากที่ 3.82%
สำหรับผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน 5 อันดับแรกได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 9.59% 2. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 7.88% 3. บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 5.63% 4. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) 5.48% และ 5. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) 4.65%
ทั้งนี้กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (กองทุนเปิด) ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ เมื่อครบระยะเวลาของการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะแก้ไขโครงการเปลี่ยนเป็นกองทุนรวมทั่วไปประเภทตราสารแห่งทุนและแก้ไขชื่อกองทุนโดยถือว่าได้รับมติจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว ซึ่งไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ
นอกจากนี้กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกองทุนอาจมีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ หรืออาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนดให้ลงทุนได้ และอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศบางส่วน วงเงิน 3.75 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล หรือ LTFD มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนดังกล่าวครั้งที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินปันผลสำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ของกองทุนดังกล่าว ในอัตราหน่วยละ 0.25 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยที่มีชื่อปรากฎอยู่ในสมุดทะเลียน ณ วันที่ 20 มกราคม 2555 โดยกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 นี้
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 27 มกราคม 2555 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 962.30 ล้านบาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 15.61 บาท โดยในช่วงปีที่ผ่านมา กองทุนได้จ่ายปันผลไปแล้วแมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ในจำนวน 1 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งผลการดำเนินงานใรายไตรมาสต่อรายปีนั้น ไตรมาส 1/2554 กองทุนมีผลการดำเนินงาน 0.70% ไตรมาส 2 อยู่ที่ -0.59% ไตรมาส 3 อยู่ที่ -11.23% ไตรมาส4 อยู่ที่ 9% รวมตลอดทั้งปีอยู่ที่ -3.14%
โดยในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมากองทุนได้เข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 20.76% กลุ่มธนาคาร 15.69% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 7.95% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 7.88% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 7.88% และกลุ่มอื่น ๆ ที่ 23.57% รวมทั้งสิ้น 83.73% ขณะที่พันธบัตรรัฐวิสาหกิจลงทุนที่ 12.43% และเงินฝากที่ 3.82%
สำหรับผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน 5 อันดับแรกได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 9.59% 2. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 7.88% 3. บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 5.63% 4. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) 5.48% และ 5. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) 4.65%
ทั้งนี้กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (กองทุนเปิด) ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ เมื่อครบระยะเวลาของการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะแก้ไขโครงการเปลี่ยนเป็นกองทุนรวมทั่วไปประเภทตราสารแห่งทุนและแก้ไขชื่อกองทุนโดยถือว่าได้รับมติจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว ซึ่งไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ
นอกจากนี้กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกองทุนอาจมีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ หรืออาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนดให้ลงทุนได้ และอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศบางส่วน วงเงิน 3.75 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน