โตเกียวมารีนประกันชีวิต เร่งปั๊มยอดผ่านตัวแทน หลังแยกทาง"ซีไอเอ็มบี" ระบุแบงก์ไทยสุดโหดเก็บค่าฟีแรกเข้าแพงหูฉี่ ตั้งเป้าครึ่งปีแรกกวาดเบี้ย 350-400 ล้านบาท พร้อมเล็งออกกรมธรรม์บำนาญใหม่ สนองความต้องการลูกค้ามากขึ้น ชูรับผลตอบแทนเร็วขึ้นกว่าเดิม
นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัการ บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทหมดสัญญาขายประกันชีวิตผ่านธนาคารหรือแบงก์แอสชัวรันส์กับ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ตั้งแต่ปลายปี 2554 คาดว่าจะทำให้เบี้ยประกันจากช่องทางนี้ ซึ่งถือเป็นช่องทางเดียวของแบงก์แอสชัวรันส์หายไปประมาณปีละ 400 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องเร่งหาพันธมิตรที่เป็นธนาคารพาณิชย์รายใหม่ให้ได้โดยเร็ว โดยอยู่ระหว่างเจรจากับหลายธนาคาร แต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด
"อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะหาพันธมิตรที่เป็นแบงก์รายใหม่ เพราะส่วนใหญ่แบงก์ก็มีบริษัทลูกที่ขายประกันชีวิตเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เรื่องสินค้าหรือบริการจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหา คือ ทุกแบงก์เรียกค่าธรรมเนียมเพื่อให้เราเข้าไปขายสินค้าเหมือนกันหมด และแพงด้วย ดังนั้น เราจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ"นายทาเทอิชิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้จึงต้องใช้ช่องทางตัวแทนเป็นฝ่ายที่ทำเบี้ยขึ้นมาชดเชยในส่วนที่หายไป ก่อน ซึ่งเราก็จะมีการพัฒนาช่องทางตัวแทนนี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยปีแรกสำหรับช่องทางตัวแทนไว้ที่ 600 ล้านบาท และเบี้ยรวมช่องทางตัวแทนอยูที่ 1,250 ล้านบาท แต่ถ้าในปีนี้เบี้ยปีแรกของช่องทางตัวแทนสามารถทำได้ถึง 1,200 ล้านบาท บริษัทก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก ซึ่งปัจจุบันทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 880 ล้านบาท โดยช่องทางขายหลักก็จะเป็นในส่วนของช่องทางตัวแทนและช่องทางประกันกลุ่มที่ เป็นลูกค้าญี่ปุ่น 60% และลูกค้าชาติอื่น 40%
ด้าน นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาช่องทางตัวแทนทำเบี้ยได้แล้วประมาณ 50 ล้านบาท จากเป้าไตรมาสแรก 100 ล้านบาท โดยได้ให้นโยบายฝ่ายขายว่า ในช่วง 6 เดือนแรกนี้ให้เร่งทำยอดขายให้เต็มที่และควรได้เบี้ยประมาณ 350-400 ล้านบาท เก็บไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่า ช่วง 6 เดือนหลังของปีจะมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือการเมืองเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แม้เบี้ยประกันชีวิตส่วนใหญ่จะเข้ามามากในช่วงปลายปีก็ตาม
นอกจากนี้ ในช่วง ไตรมาส 2 นี้ จะมีการออกแบบประกันบำนาญใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการได้รับเงินคืนเร็วกว่าเดิม จากเดิมได้เงินคืน 60 ปี แต่แบบใหม่ก็จะได้เงินคืนเมื่ออายุ 55 ปี โดยผลประโยชน์ยังเหมือนเดิม คือ ได้ผลตอบแทน 18% เมื่อครบสัญญาและจ่ายเงินคืนก้อนแรก และปีต่อไปก็จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นปีละ 0.5% จนครบอายุ 90 ปี
ทั้งนี้ สินค้าหลักของบริษัทจะเป็นแบบสะสมทรัพย์ 45% แบบบำนาญและประกันชีวิต 55% โดยมีอัตราค่าเบี้ยปีแรกเฉลี่ยต่อกรมธรรม์อยู่ที่ 4.2 หมื่นบาท และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนให้เป็น 3,000 คน จากเดิม 2,000 คน เฉลี่ยมีตัวแทนที่มียอดขายต่อเนื่องอยู่ที่ 30% ซึ่งนอกจากตัวแทนจะเป็นผู้เสนอขายให้กับลูกค้าด้วยตัวเองแล้ว บริษัทยังได้มีการเชิญลูกค้ามาเป็นกลุ่ม 100-200 คน เพื่อแนะนำแบบประกันให้ลูกค้าที่สนใจด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และก็มีการลดค่าใช้จ่ายภายในของฝ่ายขายด้วย โดยปี 2554 สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ 100 ล้านบาท ทำให้ในภาครวมระยะยางตั้งเป้าว่าภายในปี 2559 หรืออีก 4 ปี ข้างหน้าช่องทางตัวแทนต้องมีเบี้ยรับรวมให้ได้ 4,000 ล้านบาท จากแผนเดิมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัการ บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทหมดสัญญาขายประกันชีวิตผ่านธนาคารหรือแบงก์แอสชัวรันส์กับ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ตั้งแต่ปลายปี 2554 คาดว่าจะทำให้เบี้ยประกันจากช่องทางนี้ ซึ่งถือเป็นช่องทางเดียวของแบงก์แอสชัวรันส์หายไปประมาณปีละ 400 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องเร่งหาพันธมิตรที่เป็นธนาคารพาณิชย์รายใหม่ให้ได้โดยเร็ว โดยอยู่ระหว่างเจรจากับหลายธนาคาร แต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด
"อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะหาพันธมิตรที่เป็นแบงก์รายใหม่ เพราะส่วนใหญ่แบงก์ก็มีบริษัทลูกที่ขายประกันชีวิตเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เรื่องสินค้าหรือบริการจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหา คือ ทุกแบงก์เรียกค่าธรรมเนียมเพื่อให้เราเข้าไปขายสินค้าเหมือนกันหมด และแพงด้วย ดังนั้น เราจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ"นายทาเทอิชิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้จึงต้องใช้ช่องทางตัวแทนเป็นฝ่ายที่ทำเบี้ยขึ้นมาชดเชยในส่วนที่หายไป ก่อน ซึ่งเราก็จะมีการพัฒนาช่องทางตัวแทนนี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยปีแรกสำหรับช่องทางตัวแทนไว้ที่ 600 ล้านบาท และเบี้ยรวมช่องทางตัวแทนอยูที่ 1,250 ล้านบาท แต่ถ้าในปีนี้เบี้ยปีแรกของช่องทางตัวแทนสามารถทำได้ถึง 1,200 ล้านบาท บริษัทก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก ซึ่งปัจจุบันทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 880 ล้านบาท โดยช่องทางขายหลักก็จะเป็นในส่วนของช่องทางตัวแทนและช่องทางประกันกลุ่มที่ เป็นลูกค้าญี่ปุ่น 60% และลูกค้าชาติอื่น 40%
ด้าน นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาช่องทางตัวแทนทำเบี้ยได้แล้วประมาณ 50 ล้านบาท จากเป้าไตรมาสแรก 100 ล้านบาท โดยได้ให้นโยบายฝ่ายขายว่า ในช่วง 6 เดือนแรกนี้ให้เร่งทำยอดขายให้เต็มที่และควรได้เบี้ยประมาณ 350-400 ล้านบาท เก็บไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่า ช่วง 6 เดือนหลังของปีจะมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือการเมืองเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แม้เบี้ยประกันชีวิตส่วนใหญ่จะเข้ามามากในช่วงปลายปีก็ตาม
นอกจากนี้ ในช่วง ไตรมาส 2 นี้ จะมีการออกแบบประกันบำนาญใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการได้รับเงินคืนเร็วกว่าเดิม จากเดิมได้เงินคืน 60 ปี แต่แบบใหม่ก็จะได้เงินคืนเมื่ออายุ 55 ปี โดยผลประโยชน์ยังเหมือนเดิม คือ ได้ผลตอบแทน 18% เมื่อครบสัญญาและจ่ายเงินคืนก้อนแรก และปีต่อไปก็จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นปีละ 0.5% จนครบอายุ 90 ปี
ทั้งนี้ สินค้าหลักของบริษัทจะเป็นแบบสะสมทรัพย์ 45% แบบบำนาญและประกันชีวิต 55% โดยมีอัตราค่าเบี้ยปีแรกเฉลี่ยต่อกรมธรรม์อยู่ที่ 4.2 หมื่นบาท และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนให้เป็น 3,000 คน จากเดิม 2,000 คน เฉลี่ยมีตัวแทนที่มียอดขายต่อเนื่องอยู่ที่ 30% ซึ่งนอกจากตัวแทนจะเป็นผู้เสนอขายให้กับลูกค้าด้วยตัวเองแล้ว บริษัทยังได้มีการเชิญลูกค้ามาเป็นกลุ่ม 100-200 คน เพื่อแนะนำแบบประกันให้ลูกค้าที่สนใจด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และก็มีการลดค่าใช้จ่ายภายในของฝ่ายขายด้วย โดยปี 2554 สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ 100 ล้านบาท ทำให้ในภาครวมระยะยางตั้งเป้าว่าภายในปี 2559 หรืออีก 4 ปี ข้างหน้าช่องทางตัวแทนต้องมีเบี้ยรับรวมให้ได้ 4,000 ล้านบาท จากแผนเดิมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท