xs
xsm
sm
md
lg

BBLAMเข้าตาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ ระบุราคาสูงแต่โอกาสทำกำไรสดใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บัวหลวง เข้าตาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ หลังธุรกิจค้าปลีกเติบโต พร้อมขยายสาขาตามการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบุแม้ราคาสูง แต่โอกาสทำกำไรในอนาคตสดใส

นายอนรรฆ กิติวัฒน์ ทีมงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด (BBLAM) เปิดเผยว่า ในปีที่แล้ว ราคาตลาดของหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ ในรอบ 1 ปี มีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าอัตราการเติบโตของ SET Index ซึ่งเมื่อนำมาหักลบกันแล้ว ปรากฎว่า สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าตาลด (Outperform) หรือ SET Index ที่ติดลบ 0.72% ได้มากถึง 73.64% เลยทีเดียว เป็นรองก็แต่เพียงกลุ่ม Telecom Sector

ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจกลุ่มพาณิชย์ ได้แก่ การเติบโตของผลประกอบการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการขยายกิจการด้วยการรวมตัวกัน หรือด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ ที่เรียกกันว่า M&A (Merger and Acquisition) ของบางบริษัท ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มพาณิชย์ มาจากแนวโน้มหลายประการ ได้แก่ การกระจายความเจริญแบบสังคมเมืองไปสู่ชนบทมากขึ้น รวมถึงการเติบโตและการขยายสาขาของภาคธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ Modern tradeไปสู่ชุมชนในชนบทมากขึ้น และหลายบริษัทในกลุ่มค้าปลีกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขันมากพอ ทำให้มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีเยี่ยมและมีกระแสเงินสดจำนวนมาก จึงสามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็ว โดยแทบไม่ต้องพึ่งพากระแสเงินสดจากภายนอก ไม่ต้องกู้เพิ่ม ไม่ต้องเพิ่มทุน

นอกจากนี้แล้ว ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ ADB วิจัยได้ผลว่า ชนชั้นกลางของประเทศในแถบเอเชีย ที่เดิมทีจะซื้อสินค้าจำกัดอยู่แต่ในหมวดอาหารและเสื้อผ้าที่มีราคาถูก กลับมีแนวโน้มที่จะบริโภคสินค้าคงทนและสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งมีราคาแพงมากขึ้น ตัวอย่างได้แก่ ประเทศจีน ซึ่งมีการสั่งซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมากขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ การเติบโตของชนชั้นกลางในทวีปเอเชีย ก็ยังส่งผลให้เกิดความต้องการในส่วนของที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมขนาดเล็กและขนาดกลางเพิ่มมากขึ้น บริษัทในกลุ่มพาณิชย์อย่าง Modern trade จึงได้รับอานิสงค์ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กิจการค้าแบบ Modern trade ได้ขยายตัวออกสู่ต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายและรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรในจังหวัดต่างๆ นอกเหนือไปจากกรุงเทพและปริมณฑล รายได้ที่เพิ่มขึ้นและพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้นนี้ มีปริมาณมากพอให้กลุ่ม Modern trade สนใจที่จะเปิดสาขา ทั้งนี้ การเติบโตของกิจการแบบ Modern trade นั้นมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การขยายสาขาไปยังจุดที่ยังมีการแข่งขันไม่มากนัก และความสามารถในการหาสินค้าใหม่ๆ มาสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ยอดขายของสาขาเดิมเติบโตต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน การเร่งขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้รับอานิสงค์จากการมีห้างสรรพสินค้าที่ผู้ซื้อจะได้รับความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย และมีสินค้าให้เลือกอย่างหลากหลายมากขึ้น แม้ในวันนี้ราคาหุ้นในกลุ่มพาณิชย์จะค่อนข้างสูง จะมี P/E และ P/B Multiple ที่สูงแล้ว แต่เมื่อเทียบกับค่า Premium ที่ต้องจ่าย หุ้นกลุ่มนี้ก็ยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะธุรกิจค้าปลีกยังมีอนาคตที่สดใส สามารถทำกำไรที่เติบโตต่อเนื่องได้ทุกปี

โดยเฉลี่ยแล้วหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ในช่วงนี้ ซื้อขายกันอยู่ที่ระดับ 21.8 เท่าของ P/E Ratio ซึ่งสูงกว่า P/E Ratio ในอดีตซึ่งเท่ากับ 16.7 เท่า ปี 2004 - 2009 แม้จะเป็นราคาซื้อขายที่สูง แต่หากเรามองไปข้างหน้าและให้น้ำหนักกับความสามารถในการทำกำไรของหุ้นในกลุ่มพาณิชย์มากกว่าดูประวัติศาสตร์ของมันแต่เพียงอย่างเดียว หุ้นในกลุ่มนี้ก็ยังน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ดังนั้น คำตอบก็คือ หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ ณ ปัจจุบัน มีราคาที่ไม่ถูกนักเมื่อเทียบกับในอดีต แต่ด้วยอนาคตที่สดใสดังที่กล่าวมาแล้ว ถือว่าราคาหุ้นยังไม่แพงจนเกินไป
กำลังโหลดความคิดเห็น