บลจ.ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล ดีใจปิดกองทุนหุ้นทริกเกอร์ 8/8 เพียง 77 วัน หลังวันจดทะเบียนกองทุน นักลงทุนยิ้มรับ 8 % ล่าสุดอยู่หว่างไอพีโอกองทุน "CIMB-PRINCIPAL iPROP" ชูผลตอบแทน 6 - 8%
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด บริษัทในกลุ่มซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ไทยแลนด์ รีคัฟเวอรี่ 8 เปอร์เซ็นต์ ทริกเกอร์ มีอายุเพียง 77 วันหลังวันจดทะเบียนกองทุน ทำให้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8% เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ากองทุนนี้ประสบความสำเร็จตามแผนการลงทุนที่ได้วางไว้โดยทำกำไรให้แก่ นักลงทุนได้ก่อนครบอายุ 8 เดือน
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวถือว่าเข้ามาลงทุนในช่วงจังหวะที่ดี ซึ่งอยู่ในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ต่ำกว่า 1000 จุด บริษัทจึงมองว่า ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะขาขึ้นสืบเนื่องจากการอัดฉีดสภาพคล่องสู่ระบบการเงินโลกครั้งใหญ่จากธนาคารกลางยุโรป ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 1 - 2 เดือนที่ผ่านมา การออกกองทุนประเภททริกเกอร์ฟันด์ จำเป็นต้องมีการกำหนดมุมมองตลาด
ขณะเดียวกันภาพเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ซึ่งกลุ่มบริษัทในเครือซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลได้เปรียบเป็นอย่างมากเพราะได้รับการสนับสนุนทางข้อมูลข่าวสาร ทั้งจากระดับภูมิภาคผ่านเครือข่ายของธนาคารซีไอเอ็มบี และระดับโลกผ่านเครื่อข่ายของกลุ่มพรินซิเพิล ไฟแนนเชียล กรุ๊ป สำหรับกองทุนหุ้นของบริษัทจัดการกองทุนอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมาก็สามารถมีผลตอบแทนดีขึ้นเช่นกัน โดยมีผลตอบแทนประมาณ 7% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ด้านนายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า ในส่วนของกลยุทธ์การบริหารกองทริกเกอร์ มีการบริหารลักษณะคล้ายกันกับกองทุนตราสารทุนอื่น ๆ ของบริษัท เช่น LTF, RMF ซึ่งบริษัทจัดการใช้การคัดเลือกหุ้นเป็นรายตัว และทำการเยี่ยมพบปะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเพื่อเข้าใจถึงกลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาวของแต่ละบริษัท และกำหนดมุมมองต่อผลประกอบการของบริษัทในอนาคต โดยทีมผู้จัดการกองทุนของบริษัทจัดการจะประชุมร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุนระดับภูมิภาคเป็นรายสัปดาห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนร่วมกัน โดยทีมงานผู้จัดการกองทุนของกลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลทั้งหมด มีรวมกันกว่า 50 ท่าน
เรายังคงหาจังหวะที่เหมาะสมในการเสนอขายกองหุ้น ทริกเกอร์ฟันด์อีกในปีนี้ แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมามากพอสมควรแล้ว จึงคิดว่า ณ จุดนี้ ควรเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมออย่างกองรวม CIMB-PRINCIPAL iPROP ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างไอพีโอ
โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท Fund of Funds ที่นำเงินไปเลือกลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์ชั้นดี อย่างห้างสรรพสินค้า, ออฟฟิศใจกลางเมือง, โรงแรม 5 ดาว เป็นต้น โดยจากสถิติการจ่ายเงินปันผลของหมวดกองทุนอสังหาฯ ในบ้านเราทีผ่านมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6- 8 ต่อปี โดยมีการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ และกองทุนดังกล่าวคาดว่าจะสามารถจ่ายผลตอบแทนให้ลูกค้าของกองทุน CIMB-PRINCIPAL iPROP เป็นรายไตรมาสในอัตราที่ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เช่นกัน
นอกจากนี้ กองทุน CIMB-PRINCIPAL iPROP ยังมีการเสนอบริการรูปแบบใหม่ใหม่ โดยมีระบบ Multi Share Class 2 ชนิด คือ Class R (Auto Redemption) และ Class D (Dividend) โดย Class R เหมาะกับนักลงทุนรายย่อย และ Class D เหมาะกับการลงทุนของบริษัทจำกัด และสถาบันการเงิน ระบบดังกล่าวใช้กันมานานแล้วสำหรับกองทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเสนอทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนแต่ละประเภทโดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ทางภาษี และยังประหยัดต้นทุนต่อนักลงทุนมากกว่าการตั้งเป็นกองทุนรวมหลาย ๆ กอง นายเจษฎา กล่าวเสริม