xs
xsm
sm
md
lg

ธนาคารกลางยุโรปลดดบ.ลง0.25% ด้านS&Pจ่อหั่นเครดิตหลายประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.0% ขณะที่ S&P อาจทำการปรับอันดับความน่าเชื่อถือครั้งใหญ่ของหลายประเทศในยูโรโซน ด้านผลสำรวจ พบว่า หุ้นทุน มีความน่าดึงดูดลดลงในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศที่น่าสนใจล่าสุดพบว่า ผู้จัดการกองทุนสหรัฐฯ เชื่อว่า สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรป โดยผู้จัดการกองทุนชั้นนำของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะเผชิญกับผลกระทบจากหนี้ยุโรปที่จำกัด โดยโอกาสที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมากและความอ่อนแอของยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก ขณะเดียวกัน นักลงทุนมหาเศรษฐีและผู้บริหารสินทรัพท์กว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง และอยู่ในช่วงขาขึ้น

ขณะเดียวกันผลสำรวจพบว่าหุ้นสูญเสียความน่าดึงดูดในระบบการเงินโลก โดยสถาบันแมคคินซีย์โกลบอลเปิดเผยผลการศึกษาฉบับใหม่โดยระบุว่า หุ้นทุนกำลังสูญเสียบทบาทในระบบตลาดทุนโลก และก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างอุปสงค์ของนักลงทุนกับความจำเป็นของบริษัทในการระดมทุนเพื่อขยายกิจการในช่วง 10 ปีข้างหน้า รายงานฉบับนี้คาดว่า หุ้นที่มีการเปิดซื้อขายต่อสาธารณชนอาจครองสัดส่วนเพียง 22% ของสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกภายในปี 2020 โดยลดลงจาก 28% ในปัจจุบัน ช่องว่างที่เกิดขึ้นจะมีมูลค่าราว 12.3 ล้านล้านดอลลาร์ ใน 18 ประเทศที่สำรวจ และเกือบทั้งหมดอยู่ในประเทศตลาดเกิดใหม่ ด้วยเหตุนี้ ต้นทุนของหุ้นสำหรับบริษัทอาจเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลให้บริษัทหันไปใช้ตราสารหนี้ในการระดมทุนแทน

ด้านเศรษฐกิจยุโรป สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศเตือนว่า อาจทำการปรับอันดับความน่าเชื่อถือครั้งใหญ่ของหลายประเทศในยูโรโซน หากผู้นำอียูไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแนทางแก้ไข โดย S&P ได้ให้เครดิตพินิจเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือของ 15 ประเทศในยูโรโซน และยังระบุว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นซึ่งรัฐบาลยูโรโซนต้องจ่ายในการขายพันธบัตรมาจากการรับรู้ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และอาจเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยถ่วงอันดับความน่าเชื่อถือด้วย

ทั้งนี้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.0% ตามคาด นอกจากนี้ อีซีบี ยังได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ 0.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสู่ 1.75% ซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยทั้งคู่ อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 การปรับลดลงดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดจึงไม่ส่งผลกระทบมากต่อตลาด ขณะที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนเห็นพ้องเลื่อนเวลาในการใช้กลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี โดยเปิดใช้ ESM ในเดือน กค 2012 หาก ESM ได้รับเสถียรภาพเป็นธนาคารก็จะสามารถกู้เงินจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะส่งผลให้ ESM มีความสามารถทางการเงินที่สูงมาก โดย ESM และ EFSF จะดำเนินการพร้อมกันในช่วงกลางปี 2012 จนถึงกลางปี 2013 โดยผู้นำอียูจะตัดสินใจในเดือน ก.ค. 2012 ว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขข้อตกลงที่ทำไว้ในช่วงก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยข้อตกลงระบุว่า ความสามารถในการปล่อยกู้ของกองทุนสองแห่งนี้รวมกันต้องมีขนาดไม่เกิน 5 แสนล้านยูโร
กำลังโหลดความคิดเห็น