บลจ.เดินหน้าขายกองตราสารหนี้ระยะสั้น" แอสเซทพลัส"แนะล็อกเงินระยะสั้นรอดอกเบี้ยขึ้น แต่คาดครึ่งแรกปีนี้แบงก์ชาติปรับดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ชูกองตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 8 ลงทุน 6 เดือนให้ยิลด์ 3.4% ด้าน "กรุงศรี" ชูทางเลือกลงทุนบอนด์ต่างประเทศ ขณะที่ "ซีมิโก้" ร่วมแจมเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ 4 เดือน ให้ยิลด์ 3.2%
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงเวลานี้บริษัทฯ ยังแนะนำให้ลงทุนระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในระยะเวลาต่อไป
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 นี้ น่าจะยังคงปรับลดลงเล็กน้อยหรืออยู่ในระดับทรงตัว โดยคาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 มกราคม นี้ ธปท. น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยส่งเสริมการบริโภคในภาคประชาชน และฟื้นฟูประเทศจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554
ส่วน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไป จะต้องติดตามจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการที่กระทรวงการคลังจะโอนหนี้ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มาให้ ธปท.เป็นผู้ดูแลให้ชำระหนี้ได้ตามกำหนด และธปท.ต้องหาแหล่งเงินทุนโดยการออกพันธบัตรใหม่ เพื่อทดแทน SB129A ซึ่งจะครบกำหนดชำระเดือนกันยายน 2555 จำนวน 206,023 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ทั้งนี้ ล่าสุดในวันที่ 18 มกราคม นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 8(ASP-TFIXED8) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตั๋วแลกเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.40% ต่อปี
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M4(KFFIX6M4) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น พันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ สัดส่วนการลงทุน 30 % เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 24 % เงินฝากธนาคาร Bank of China สาขา Macau สัดส่วนการลงทุน 20 % ตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 13 % และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 13 % โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.2 % ต่อปีกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถลงทุนได้นานประมาณ 6 เดือน รวมทั้งต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้โรลเอเวอร์ 4M2 โดยเริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ถึง 18 มกราคม 2555 ทั้งนี้กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 4 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.2%
ทั้งนี้กองทุนมีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนประเภทสถาบันและประชาชนทั่วไปที่ต้องการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเป็นการลงทุนที่ให้โอกาสผู้ลงทุนได้ตัดสินใจลงทุนต่อ หรือไถ่ถอนได้ทุก ๆ ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน
โดยกองทุนเป็นประเภทตราสารหนี้ที่มีการกระจายกรารลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเป็นช่วงเวลา ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและหรือเอกชนที่มีคุณภาพ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ตราสารแห่งหนี้อื่น ๆ และหรือเงินฝาก ทั้งนี้ อาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
สำหรับกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้โรลเอเวอร์ 4M2 จะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงินในประเทศ เช่น ธนาคารธนชาต ในอันดับ A+ ธนาคารทิสโก้ ในอันดับ A ธนาคารกรุงไทย ในอันดับ BBB และธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โดยจะเข้าไปลงทุนในสัด่วนการลงทุนโดยประมาณ 32% ซึ่งผลตอบแทนของตราสาร 3.25% ต่อปี และผลตอบแทนของการลงทุน 1.04% ต่อปี
นอกจากนี้กองทุนยังจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ และตั๋วแลกเงินภาคเอกชน เช่น บมจ. เบทาโกร ในอันดับ A บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ในอันดับ A- บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ในอันดับ A- บมจ. ภัทรลิสซิ่ง ในอันดับ A- บมจ. อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง ในอันดับ A- และ บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ ในอันดับ A- โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในสัดส่วนการลงทุนประมาณ 20% ซึ่งผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 3.10% ต่อปี และ ผลตอบแทนของการลงทุนที่ 0.62% ต่อปี
นอกจากนี้แล้วกองทุนจะเข้าไปลงทุนใน บมจ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส ในอันดับ BBB+ บมจ. บัตรกรุงไทย ในอันดับ BBB+ บมจ. เอเซียเสริมกิจลิซซิ่ง ในอันดับ BBB + และบมจ. ถิรไทย ในอันดับ BBB + โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในสัดส่วนการลงทุนประมาณ 48% ซึ่งผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 3.84% ต่อปี และ ผลตอบแทนของการลงทุนที่ 1.84% ต่อปี
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงเวลานี้บริษัทฯ ยังแนะนำให้ลงทุนระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในระยะเวลาต่อไป
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 นี้ น่าจะยังคงปรับลดลงเล็กน้อยหรืออยู่ในระดับทรงตัว โดยคาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 มกราคม นี้ ธปท. น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยส่งเสริมการบริโภคในภาคประชาชน และฟื้นฟูประเทศจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554
ส่วน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไป จะต้องติดตามจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการที่กระทรวงการคลังจะโอนหนี้ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มาให้ ธปท.เป็นผู้ดูแลให้ชำระหนี้ได้ตามกำหนด และธปท.ต้องหาแหล่งเงินทุนโดยการออกพันธบัตรใหม่ เพื่อทดแทน SB129A ซึ่งจะครบกำหนดชำระเดือนกันยายน 2555 จำนวน 206,023 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ทั้งนี้ ล่าสุดในวันที่ 18 มกราคม นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 8(ASP-TFIXED8) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตั๋วแลกเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.40% ต่อปี
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M4(KFFIX6M4) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น พันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ สัดส่วนการลงทุน 30 % เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 24 % เงินฝากธนาคาร Bank of China สาขา Macau สัดส่วนการลงทุน 20 % ตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 13 % และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 13 % โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.2 % ต่อปีกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถลงทุนได้นานประมาณ 6 เดือน รวมทั้งต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้โรลเอเวอร์ 4M2 โดยเริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ถึง 18 มกราคม 2555 ทั้งนี้กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 4 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.2%
ทั้งนี้กองทุนมีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนประเภทสถาบันและประชาชนทั่วไปที่ต้องการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเป็นการลงทุนที่ให้โอกาสผู้ลงทุนได้ตัดสินใจลงทุนต่อ หรือไถ่ถอนได้ทุก ๆ ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน
โดยกองทุนเป็นประเภทตราสารหนี้ที่มีการกระจายกรารลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเป็นช่วงเวลา ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและหรือเอกชนที่มีคุณภาพ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ตราสารแห่งหนี้อื่น ๆ และหรือเงินฝาก ทั้งนี้ อาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
สำหรับกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้โรลเอเวอร์ 4M2 จะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงินในประเทศ เช่น ธนาคารธนชาต ในอันดับ A+ ธนาคารทิสโก้ ในอันดับ A ธนาคารกรุงไทย ในอันดับ BBB และธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โดยจะเข้าไปลงทุนในสัด่วนการลงทุนโดยประมาณ 32% ซึ่งผลตอบแทนของตราสาร 3.25% ต่อปี และผลตอบแทนของการลงทุน 1.04% ต่อปี
นอกจากนี้กองทุนยังจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ และตั๋วแลกเงินภาคเอกชน เช่น บมจ. เบทาโกร ในอันดับ A บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ในอันดับ A- บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ในอันดับ A- บมจ. ภัทรลิสซิ่ง ในอันดับ A- บมจ. อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง ในอันดับ A- และ บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ ในอันดับ A- โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในสัดส่วนการลงทุนประมาณ 20% ซึ่งผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 3.10% ต่อปี และ ผลตอบแทนของการลงทุนที่ 0.62% ต่อปี
นอกจากนี้แล้วกองทุนจะเข้าไปลงทุนใน บมจ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส ในอันดับ BBB+ บมจ. บัตรกรุงไทย ในอันดับ BBB+ บมจ. เอเซียเสริมกิจลิซซิ่ง ในอันดับ BBB + และบมจ. ถิรไทย ในอันดับ BBB + โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในสัดส่วนการลงทุนประมาณ 48% ซึ่งผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 3.84% ต่อปี และ ผลตอบแทนของการลงทุนที่ 1.84% ต่อปี