นิด้า ประเมินเศรษฐกิจไทยปีมังกรทองโตไม่เกิน 5% แม้ภาครัฐเร่งอัดงบฟื้นฟูประเทศ อัดนโยบายประชานิยม กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพื่อชดเชยการส่งออกที่คาดว่าเติบโตเพียง 8% เหตุปัจจัยลบจากวิกฤติการเงินในยุโรปและอเมริกายังไม่คลี่คลาย
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2555 เชื่อว่าจะสามารถขยายตัวอยู่ในกรอบไม่เกิน 5% โดยภาครัฐยังเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากนโยบายการใช้งบฟื้นฟูประเทศที่มุ่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ตลอดจนการดูแลกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่การบริโภค ภาคการลงทุน ภาคการค้าระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ การขับเคลื่อนนโยบายบัตรเครดิตชาวนา การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 15,000 บาท นโยบายบ้านหลักแรกและรถยนต์คันแรก ล้วนเป็นนโยบายที่มุ่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและการใช้จ่ายของประชาชน เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจชดเชยการส่งออกในปี 2555 ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 8% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป และเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ซบเซา
อย่างไรก็ตาม การใช้นโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ ที่คาดว่าในปี 2555 จะสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.0 และมีทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ร้อยละ 3
“ในปีหน้าปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย มีทั้งปัจจัยภายนอกประเทศจากหนี้สาธารณะในยุโรปและเศรษฐกิจอเมริกาที่กดดันต่อการขยายตัวเศรษฐกิจโลก ทำให้ไทยที่พึ่งพาการส่งออกต้องเตรียมพร้อมรับมือ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งมีทั้งเรื่องการเมืองที่ยังมีความขัดแย้ง ตลอดจนการใช้นโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาครัฐต้องใช้การบริหารจัดการที่เหมาะสมและสอดคล้องเพื่อขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจให้ถูกต้องเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”
นายมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนทิศทางตลาดหุ้นของไทยในปี 2555 นั้น ยังต้องเผชิญกับความผันผวนจากหนี้สาธารณะในยุโรปเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่น และการประกาศปรับลดภาษีนิติบุคคลเหลือร้อยละ 23 จากเดิมร้อยละ 30 จะทำให้มีแรงดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย รวมถึงการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นสูงกว่าประเทศอื่นๆ ส่วน PE Ratio ก็ต่ำกว่าอีกหลายประเทศ จึงคาดว่าดัชนีหุ้นไทยในปี 2555 มีความเป็นไปได้จะแตะที่ระดับ 1,150 จุด
ทางด้านนายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2555 นั้นคาดว่าครึ่งปีแรกน่าจะยังได้รับผลกระทบจากวิฤกติหนี้ยุโรปและการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศคือการอัดงบฟื้นฟูประเทศและปัจจัยการเมืองไทย ส่วนภาวะภาพรวมกองทุนตราสารหนี้ในปี 55 ผลตอบแทนอาจลดลง เพราะอัตราดอกเบี้ยในประเทศเป็นขาลง โดยครึ่งปีแรกคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ทำให้อัตราผลตอบแทนจากกองทุนตราสารหนี้ลดลงในระดับใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตามบลจ.ก็คงจะมีการออกกองทุนผสมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก็คงจะเป็นประเทศเดิมๆ ที่เคยออกกองทุนไปลงทุนไว้แล้ว ทั้งอินเดีย บราซิล จีน ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในเกาหลีใต้ ก็อาจจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปี 55 โดยปีนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนที่บริษัทบริหารเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% ปีหน้าก็อาจจะลดลงบ้าง