ไทยสมุทรประกันชีวิต เผยเบี้ยปีแรกฝ่ากระแสน้ำเข้าเป้า 3,000 ล้านบาหรือโต 20% ลุ้นโค้งสุดท้ายกวาดเพิ่มอีก สุดปลื้มตัวแทนทำงานเต็มสูบ ช่วยเหลือลูกค้าทั้งช่วงน้ำขึ้นและน้ำลด พร้อมเล็งย้ายสาขาหนีน้ำท่วมโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ยอมรับผลตอบแทนจากการลงทุนหลุดเป้า 6% แน่ เหตุดอกเบี้ยทรุด-เศรษฐกิจชะลอตัว
นางนุสรา บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายเบี้ยประกันปีแรกของบริษัทแต่อย่างใด โดยตัวเล ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2554 อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือเติบโตประมาณ 20% ส่วนช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนี้คงจะต้องจับตาดูว่าจะสามารถทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าสามารทำได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเบี้ยปีต่ออายุนั้นได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมพอสมควร และยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะได้มีการยืดระยะเวลาในการจ่ายเบี้ยออกไป 91 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดชำระ
ทั้งนี้ ไทยสมุทรประกันชีวิต มียอดขายหลักมาจากช่องทางตัวแทน โดยเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตัวแทนทำงานหนักมากกว่าเดิม ในขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ที่ถูกน้ำท่วมได้รับผลกระทบ เก็บพืชผลไม่ได้ แต่การที่มีประกันชีวิต ถือว่าเป็นเครื่องมือ หรือ ตัวช่วยชนิดหนึ่งที่ลูกค้าควรมี
“การที่มีช่องทางตัวแทนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ตัวแทนไทยสมุทรประกันชีวิตถือว่าเก่งมากๆ ขอชมเชย เข้าไปเยี่ยม เข้าไปช่วยลูกค้าที่ถูกน้ำท่วม หลังน้ำลดบริษัทและตัวแทนก็มีโครงการคลีนนิ่งเดย์ด้วย น้ำท่วมครั้งนี้มีลูกค้าไทยสมุทรฯเสียชีวิตกว่า 30 ราย ซึ่งถือว่าจำนวนรายสูงสุดในบรรดาบริษัทประกัน แต่จำนวนเงินสินไหมทดแทนแค่ 6-7 ล้านบาท เท่านั้น ถือว่าไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้คนไทยเห็นความจำเป็นของการทำประกันชีวิตมากขึ้น เพราะเข้าใจว่าประกันชีวิตจะเข้ามาช่วยในเรื่องของเงินได้ในยามลำบาก”นางนุสรากล่าว
นางนุสรา กล่าวอีกว่า น้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีลูกค้ามาใช้บริการขอกู้เงินจากกรมธรรม์พอสมควร ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง ในยามภาวะเช่นนี้ หรือ หากต้องการเงินเวนคืนก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่โชคดีที่บริษัทมีตัวแทนเข้าไปให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ กับลูกค้า สำหรับกลยุทธ์ที่เหลือของปี นั้น ก็เน้นบำนาญ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี โดยได้ออกกรมธรรม์บำนาญมาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อให้ตัวแทนนำไปเสนอขายให้ลูกค้า ที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดี
ส่วนการแก้ปัญหาผลกระทบของน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับสาขาของบริษัท หลังจากนี้คงจะต้อง หันมาประเมินสถานการณ์ใหม่ว่าจะโยกสาขาที่น้ำท่วมบ่อยๆ ไปอยู่ในพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม ขณะนี้กำลังประเมินสถานการณ์อยู่ พร้อมกับปรับเป็นสาขารูปแบบใหม่ไปในครั้งเดียวกันเลย คาดว่าจะสำรวจเสร็จต้นปีหน้า แต่ในด้านการบริการไม่มีปัญหา เพราะบริษัทได้นำระบบไอทีมาช่วย ทำให้ลูกค้าสามารถไปใช้บริการได้ทุกสาขา ณ ปัจจุบันมีอยู่ 246 สาขา
ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุน นางนุสรา กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ ยอมรับว่าลดลงแน่นอนคงไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ที่ 6%กว่า เพราะดอกเบี้ยปรับลดลง น้ำท่วมทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และในอนาคตก็มองว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะยากลำบากกว่าปัจจุบัน เพราะดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงก็มีผล เงินที่เข้ามาใหม่จากการขายประกันก็ถือว่านำไปลงทุนยากขึ้น ทำให้บริษัทต้องหันมาปรับตัวไปลงทุนในหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น รวมทั้งหันมาปล่อยสินเชื่อธุรกิจ เช่นสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โรงแรม คอนโด อพาร์ทเม้นแทน ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อยังไม่เติบโตที่ดีนัก เพราะมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยรวมโครงสร้างการลงทุนปีนี้จะเหมือนเดิมแต่สัดส่วนหุ้นกู้จะมากขึ้นเพราะผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตร