เอไลฟ์ ตั้งเป้ากวาดเบี้ยบำนาญช่วงสิ้นปี 10 ล้านบาท สุดปลื้ม 9 เดือนเบี้ยประกันโตกว่า 50% ล่าสุดส่ง 2 กรมธรรม์ใหม่หวังตอบโจทย์สำหรับผู้มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ และลูกค้าที่ต้องการเงินกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมแนะคนไทยทยอยซื้อประกันแบบบำนาญ เพื่อความมั่นคงด้านการเงินหลังเกษียณ ด้านวิริยะประกันภัยจับมือกรมการขนส่ง เปิดโครงการ"ตรวจรถก่อนใช้ฯ" เพื่อเพิ่มความปลอดภัยช่วงเทศกาล
นายเมธี จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าสำหรับยอดการขายประกันบำนาญช่วงสิ้นปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 มีเบี้ยประกันรับรวมจากทุกช่องทางรวมกันทั้งสิ้น 535 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 50% จากยอดเดิม 357 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 ที่ผ่านมา
โดยล่าสุด เพื่อการเพิ่มทางเลือกแก่ประชาชนทางบริษัทได้ออกกรมธรรม์บำนาญใหม่ในสไตล์ที่ต่างกันถึง 2 แบบ เพื่อเป็นทางเลือกในการออมเงินหลังเกษียณ ได้แก่ “ประกันบำนาญเอไลฟ์ 90/1” และ “ประกันบำนาญเอไลฟ์ 85/55”
สำหรับประกันบำนาญเอไลฟ์ 90/1” ลูกค้าสามารถเริ่มทำได้ทุกช่วงอายุไปจนถึงอายุ 59 ปี โดยความพิเศษจะอยู่ที่ “การจ่ายเบี้ยประกันเพียงแค่ครั้งเดียว” ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ หรือเริ่มมีอายุมากขึ้น และไม่อยากมีภาระผูกพันนานๆ และเมื่ออายุครบ 60 ก็จะได้รับเงินบำนาญสูงถึงปีละ 15% ของทุนประกัน และรับต่อเนื่องยาวไปจนถึงอายุ 90 ปี รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับคืนสูงสุดถึง 465% ของทุนประกัน ส่วนจำนวนเงินทำประกันเริ่มต้นจะอยู่ที่ 50,000 บาท และส่วน“ประกันบำนาญเอไลฟ์ 85/55” สามารถเริ่มทำได้ทุกช่วงอายุจนถึงอายุ 54 ปี ซึ่งความพิเศษจะอยู่ที่ “ลูกค้าจะได้รับจุดคุ้มทุนของเงินที่จ่ายไป คืนกลับมาเร็วมาก” และเมื่ออายุครบ 55 ก็จะได้รับเงินบำนาญสูงถึงปีละ 13% ของทุนประกัน และรับต่อเนื่องยาวไปจนถึงอายุ 85 ปี รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับคืนสูงสุดถึง 403% ของทุนประกัน ส่วนจำนวนเงินทำประกันเริ่มต้นจะอยู่ที่ 100,000 บาท
นายเมธี กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลที่อายุน้อยอาจไม่ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องซื้อประกันแบบบำนาญในขณะนี้ เพราะคิดว่ายังคงเป็นเรื่องไกลตัวมาก แต่ในมุมมองของการวางแผนการเงินที่ดี ควรทยอยซื้อกันแต่เนิ่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองหลังเกษียณ เพราะเมื่อเกษียณไปแล้ว รายได้ประจำและสวัสดิการต่างๆ ที่เคยมีจะหายไปอย่างอัตโนมัติ ในขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินจะยังคงเหมือนเดิม ทำให้หลายท่านที่เกษียณไปแล้วประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน
นอกจากนี้ ควรหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของตัวเองด้วย อย่ามองที่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภาระผูกพันในระยะยาว และเมื่อซื้อแล้วก็ควรเตรียมทำเรื่องลดหย่อนภาษีช่วงปลายปีควบคู่กันไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดกลับคืนในทุกด้าน
เช็คสภาพรถก่อนเดินทาง
ด้านนางสาวกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รวมมือกับกรมการขนส่งทางบกจัดโครงการ “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัย แน่นอน” เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถ ใช้ถนน ทั้งความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง รวมถึงให้เล็งเห็นความสำคัญของการเตรียมสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมต่อการเดินทาง โดยตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธ.ค.54 ลูกค้าของวิริยะประกันภัยและประชาชนทั่วไปสามารถนำรถเข้ารับบริการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์เบื้องต้นได้ฟรีจากศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ พื้นที่พระราม 1 อู่แม่กลอง พื้นที่พระราม 2 ธนบุรี ออโต้คาร์ พื้นที่ลุมพินี อ.พิพัฒน์ยนต์ (1989), ศัลยกรรมรถยนต์ พื้นที่รัตนาธิเบศร์ งามวงศ์วาน คาร์แคร์ พื้นที่บางพลัด ไทยรัตน์ยานยนต์ พื้นที่ปู่เจ้าสมิงพราย เป้งการาจ และพื้นที่สุขสวัสดิ์ โสฬสคาร์ เซอร์วิส
สำหรับศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้ง 18 แห่งจะให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมเบื้องต้นของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟรี 15-20 รายการ เช่น ระบบกำลังส่ง การทำงานของคลัตช์ เกียร์ การทำงานเครื่องปัดน้ำฝน ระบบเบรก สภาพสายพาน ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก การตรวจสภาพยาง การเติมลมยาง เป็นต้น
นายเมธี จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าสำหรับยอดการขายประกันบำนาญช่วงสิ้นปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 มีเบี้ยประกันรับรวมจากทุกช่องทางรวมกันทั้งสิ้น 535 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 50% จากยอดเดิม 357 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 ที่ผ่านมา
โดยล่าสุด เพื่อการเพิ่มทางเลือกแก่ประชาชนทางบริษัทได้ออกกรมธรรม์บำนาญใหม่ในสไตล์ที่ต่างกันถึง 2 แบบ เพื่อเป็นทางเลือกในการออมเงินหลังเกษียณ ได้แก่ “ประกันบำนาญเอไลฟ์ 90/1” และ “ประกันบำนาญเอไลฟ์ 85/55”
สำหรับประกันบำนาญเอไลฟ์ 90/1” ลูกค้าสามารถเริ่มทำได้ทุกช่วงอายุไปจนถึงอายุ 59 ปี โดยความพิเศษจะอยู่ที่ “การจ่ายเบี้ยประกันเพียงแค่ครั้งเดียว” ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ หรือเริ่มมีอายุมากขึ้น และไม่อยากมีภาระผูกพันนานๆ และเมื่ออายุครบ 60 ก็จะได้รับเงินบำนาญสูงถึงปีละ 15% ของทุนประกัน และรับต่อเนื่องยาวไปจนถึงอายุ 90 ปี รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับคืนสูงสุดถึง 465% ของทุนประกัน ส่วนจำนวนเงินทำประกันเริ่มต้นจะอยู่ที่ 50,000 บาท และส่วน“ประกันบำนาญเอไลฟ์ 85/55” สามารถเริ่มทำได้ทุกช่วงอายุจนถึงอายุ 54 ปี ซึ่งความพิเศษจะอยู่ที่ “ลูกค้าจะได้รับจุดคุ้มทุนของเงินที่จ่ายไป คืนกลับมาเร็วมาก” และเมื่ออายุครบ 55 ก็จะได้รับเงินบำนาญสูงถึงปีละ 13% ของทุนประกัน และรับต่อเนื่องยาวไปจนถึงอายุ 85 ปี รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับคืนสูงสุดถึง 403% ของทุนประกัน ส่วนจำนวนเงินทำประกันเริ่มต้นจะอยู่ที่ 100,000 บาท
นายเมธี กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลที่อายุน้อยอาจไม่ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องซื้อประกันแบบบำนาญในขณะนี้ เพราะคิดว่ายังคงเป็นเรื่องไกลตัวมาก แต่ในมุมมองของการวางแผนการเงินที่ดี ควรทยอยซื้อกันแต่เนิ่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองหลังเกษียณ เพราะเมื่อเกษียณไปแล้ว รายได้ประจำและสวัสดิการต่างๆ ที่เคยมีจะหายไปอย่างอัตโนมัติ ในขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินจะยังคงเหมือนเดิม ทำให้หลายท่านที่เกษียณไปแล้วประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน
นอกจากนี้ ควรหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของตัวเองด้วย อย่ามองที่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภาระผูกพันในระยะยาว และเมื่อซื้อแล้วก็ควรเตรียมทำเรื่องลดหย่อนภาษีช่วงปลายปีควบคู่กันไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดกลับคืนในทุกด้าน
เช็คสภาพรถก่อนเดินทาง
ด้านนางสาวกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รวมมือกับกรมการขนส่งทางบกจัดโครงการ “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัย แน่นอน” เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถ ใช้ถนน ทั้งความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง รวมถึงให้เล็งเห็นความสำคัญของการเตรียมสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมต่อการเดินทาง โดยตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธ.ค.54 ลูกค้าของวิริยะประกันภัยและประชาชนทั่วไปสามารถนำรถเข้ารับบริการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์เบื้องต้นได้ฟรีจากศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ พื้นที่พระราม 1 อู่แม่กลอง พื้นที่พระราม 2 ธนบุรี ออโต้คาร์ พื้นที่ลุมพินี อ.พิพัฒน์ยนต์ (1989), ศัลยกรรมรถยนต์ พื้นที่รัตนาธิเบศร์ งามวงศ์วาน คาร์แคร์ พื้นที่บางพลัด ไทยรัตน์ยานยนต์ พื้นที่ปู่เจ้าสมิงพราย เป้งการาจ และพื้นที่สุขสวัสดิ์ โสฬสคาร์ เซอร์วิส
สำหรับศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้ง 18 แห่งจะให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมเบื้องต้นของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟรี 15-20 รายการ เช่น ระบบกำลังส่ง การทำงานของคลัตช์ เกียร์ การทำงานเครื่องปัดน้ำฝน ระบบเบรก สภาพสายพาน ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก การตรวจสภาพยาง การเติมลมยาง เป็นต้น