บลจ.กสิกรไทย แนะนักลงทุนชิงจังหวะลงทุนกองทองคำ หลังราคาปรับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เชื่อความต้องการทองคำยังสูง เหตุเศรษฐกิจโลก-สหรัฐยังไม่ฟื้นตัว พร้อมชูกอง RMF ทองคำแจ่ม ลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี ฟาก "เอ็มเอฟซี" ส่งทาร์เก็ตฟันด์ร่วมวงชิงเค้ก
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจะยังคงมีอยู่จนกว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยการลงทุนทองคำในช่วงนี้นับเป็นจังหวะดีสำหรับนักลงทุน เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาส่งผลให้ต้นทุนการลงทุนต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (K-GOLD RMF : KGDRMF)นอกจากจะเป็นการสะสมโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากราคาทองคำในระยะยาว ยังจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย
"ปัญหาหนี้ยุโรปยังคงกดดันตลาดต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง แล้วหันมาถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นที่สุดในรอบ 11 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร และกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงเมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2554 จนหลุดจากระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์"นายพัชรกล่าว
นายพัชร กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คือ นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างมาก เพราะปัญหาหนี้ยุโรปซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย ในขณะที่กลุ่มยูโรก็ยังไม่มีมาตรการที่จะเรียกความเชื่อมั่นออกมาเป็นรูปธรรม ส่วนสถานการณ์ในสหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 จะออกมาดี แต่อัตราการว่างงานยังสูงอยู่
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่มีการประกาศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก็ยิ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น จึงมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาถือเงินดอลลาร์ฯ เอาไว้รอจังหวะเข้าไปลงทุน ทำให้ดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันให้ปรับลงมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่า การที่ราคาทองปรับตัวลงรุนแรงช่วงนี้ เป็นความวิตกกังวลชั่วคราว และน่าจะเป็นไปในช่วงสั้นๆ จนกว่าตลาดและสถานการณ์ในยุโรปจะมีทิศทางในการแก้ปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
ด้านนางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15 -21 ธันวาคมนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี จะเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ สปอท 7 ซีรี่ส์ 3 หรือ I-GOLD7S3 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทองคำ (ETF) หลายกองทุน เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยลงทุนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐและฮ่องกง และมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้ผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำ ในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำ และตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว และยังเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออีกด้วย
ทั้งนี้ การออกกองทุนนี้เป็นโอกาสเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนในทองคำได้ เนื่องจากแนวโน้มราคาทองคำในอีก 12 เดือนจะสูงขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ แนวโน้มความต้องการถือครองทองคำจากภาคเอกชนหรือภาคธนาคารกลางต่างๆ ของโลกที่สูงขึ้น นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเช่นทองคำกันมากขึ้นเพราะปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ยังไม่ชะลอตัว ส่วนจีนมีความต้องการทองรูปพรรณเพิ่มสูงขึ้น 13%ในปีนี้ ซึ่งรายได้ของประชาชนจีนและราคาทองคำเป็นในทิศทางเดียวกัน
นางสาวประภากล่าวว่า ราคาทองคำปัจจุบันได้ปรับตัวลงมามากจากสาเหตุการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลงถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น หลังจากนี้มาตรการจากสหภาพยุโรป เช่น การกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำระยะยาวเพื่อเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารกลางยุโรป การระดมเงินเข้าสู่ IMF เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการช่วยเหลือในอนาคต และผลจาก QE3 ในไตรมาสแรกของปี 2555 จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น โดยราคาอาจมีการปรับตัวเป็นช่วงๆ ตามเหตุการณ์และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
สำหรับกองทุนเปิด I-GOLD 7S3 ได้ตั้งเป้าหมายมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยผลตอบแทนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.70 บาทต่อหน่วยลงทุน ภายในเวลา 10 เดือน หากไม่เป็นไปตามคาดหมายภายในเวลาดังกล่าว กองทุนเปิด I-GOLD7S3 จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนจะมีสิทธิ์เลือกที่จะลงทุนต่อไป ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม หรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการตามความต้องการของผู้ถือหน่วยลงทุน และกองทุนยังคงตั้งเป้าหมายเลิกกองทุนหากมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 107.50 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) และสำหรับผู้ที่ลงทุนกองทุนเปิด I-GOLD 7S3 ทุกๆ 10 ล้านบาท จะได้รับ iPhone4S ความจุ 16GB มูลค่า 22,450 บาท 1 เครื่อง
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจะยังคงมีอยู่จนกว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยการลงทุนทองคำในช่วงนี้นับเป็นจังหวะดีสำหรับนักลงทุน เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาส่งผลให้ต้นทุนการลงทุนต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (K-GOLD RMF : KGDRMF)นอกจากจะเป็นการสะสมโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากราคาทองคำในระยะยาว ยังจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย
"ปัญหาหนี้ยุโรปยังคงกดดันตลาดต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง แล้วหันมาถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นที่สุดในรอบ 11 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร และกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงเมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2554 จนหลุดจากระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์"นายพัชรกล่าว
นายพัชร กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คือ นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างมาก เพราะปัญหาหนี้ยุโรปซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย ในขณะที่กลุ่มยูโรก็ยังไม่มีมาตรการที่จะเรียกความเชื่อมั่นออกมาเป็นรูปธรรม ส่วนสถานการณ์ในสหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 จะออกมาดี แต่อัตราการว่างงานยังสูงอยู่
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่มีการประกาศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก็ยิ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น จึงมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาถือเงินดอลลาร์ฯ เอาไว้รอจังหวะเข้าไปลงทุน ทำให้ดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันให้ปรับลงมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่า การที่ราคาทองปรับตัวลงรุนแรงช่วงนี้ เป็นความวิตกกังวลชั่วคราว และน่าจะเป็นไปในช่วงสั้นๆ จนกว่าตลาดและสถานการณ์ในยุโรปจะมีทิศทางในการแก้ปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
ด้านนางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15 -21 ธันวาคมนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี จะเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ สปอท 7 ซีรี่ส์ 3 หรือ I-GOLD7S3 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทองคำ (ETF) หลายกองทุน เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยลงทุนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐและฮ่องกง และมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้ผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำ ในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำ และตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว และยังเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออีกด้วย
ทั้งนี้ การออกกองทุนนี้เป็นโอกาสเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนในทองคำได้ เนื่องจากแนวโน้มราคาทองคำในอีก 12 เดือนจะสูงขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ แนวโน้มความต้องการถือครองทองคำจากภาคเอกชนหรือภาคธนาคารกลางต่างๆ ของโลกที่สูงขึ้น นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเช่นทองคำกันมากขึ้นเพราะปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ยังไม่ชะลอตัว ส่วนจีนมีความต้องการทองรูปพรรณเพิ่มสูงขึ้น 13%ในปีนี้ ซึ่งรายได้ของประชาชนจีนและราคาทองคำเป็นในทิศทางเดียวกัน
นางสาวประภากล่าวว่า ราคาทองคำปัจจุบันได้ปรับตัวลงมามากจากสาเหตุการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลงถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น หลังจากนี้มาตรการจากสหภาพยุโรป เช่น การกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำระยะยาวเพื่อเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารกลางยุโรป การระดมเงินเข้าสู่ IMF เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการช่วยเหลือในอนาคต และผลจาก QE3 ในไตรมาสแรกของปี 2555 จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น โดยราคาอาจมีการปรับตัวเป็นช่วงๆ ตามเหตุการณ์และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
สำหรับกองทุนเปิด I-GOLD 7S3 ได้ตั้งเป้าหมายมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยผลตอบแทนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.70 บาทต่อหน่วยลงทุน ภายในเวลา 10 เดือน หากไม่เป็นไปตามคาดหมายภายในเวลาดังกล่าว กองทุนเปิด I-GOLD7S3 จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนจะมีสิทธิ์เลือกที่จะลงทุนต่อไป ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม หรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการตามความต้องการของผู้ถือหน่วยลงทุน และกองทุนยังคงตั้งเป้าหมายเลิกกองทุนหากมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 107.50 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) และสำหรับผู้ที่ลงทุนกองทุนเปิด I-GOLD 7S3 ทุกๆ 10 ล้านบาท จะได้รับ iPhone4S ความจุ 16GB มูลค่า 22,450 บาท 1 เครื่อง
