xs
xsm
sm
md
lg

คปภ.มั่นใจเบี้ย4.8แสนล้าน เลขาฯใหม่ฟิตเล็งวางแผน10ปีหนุนธุรกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คปภ.แจงเบี้ยรวม 8 เดือน 3 แสนล้านบาท โต 13.66% มั่นใจทั้งปียอดแตะ 4.8 แสนล้าบาทได้แม้เจอเหตุน้ำท่วม พร้อมยันเงินกองทุนหนาพอจ่ายสินไหมตามปกติ ด้าน"ประเวช"ว่าที่เลขาฯ คปภ.คนใหม่ ฟิตจัดเล็งวางแผนระยะยาว 10 ปีพัฒนาธุรกิจประกัน มั่นใจปี 57 เบี้ยโต 6% ของจีดีพีประเทศแน่

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของเบี้ยประกันภัยปี 54 น่าจะเติบโตได้ถึง 18.74% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 4.8 แสนล้านบาทได้ถึงแม้ประเทศจะประสบกับปัญหาน้ำท่วมในช่วงนี้

สำหรับการเติบโตข้างต้น จะแบ่งเป็นประกันชีวิต 351,590 ล้านบาท เติบโต 16.23% ประกันวินาศภัย 137,799 ล้านบาท เติบโต 10.30% เงินกองทุนทั้งระบบมีมากกว่า 2แสนล้านบาท เติบโต 19% ในขณะที่เงินสำรองประกันภัยมีมากถึง 1.14ล้านล้านบาท เติบโต 14.85% ซึ่งเพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

โดย ล่าสุดผลผลประกอบการ 8 เดือน ธุรกิจประกันมีเบี้ยรับรวม 300,008 ล้านบาท เติบโต 13.66% เป็นธุรกิจประกันชีวิต 208,551 ล้านบาท เติบโต 12.95% ธุรกิจประกันวินาศภัย 91,457 ล้านบาท เติบโต 15.30%

“ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าบริษัทประกันจะสามารถบริหารจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ได้อย่างแน่นอน เพราะได้มีการประกันภัยต่อ หรือ รีอินชัวร์เรอร์ในต่างประเทศเอาไว้”

ว่าที่เลขาฯลั่นเบี้ยพุ่ง6%ของจีดีพี

ด้าน นายประเวช องอาจสิทธิกุล ว่าที่เลขาธิการ คปภ.ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน เปิดเผยว่าแผนพัฒนาธุรกิจประกันที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เปรียบเทียบกับแผนพัฒนาตลาดทุนแล้วมีลักษณะที่คล้ายๆ กัน ที่เป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการวางแผนไปข้างหน้าอย่างน้อย อีก 10 ปีว่าควรจะเป็นอย่างไร เพื่อให้เห็นทางที่จะเดินหน้าต่อไปในทิศทางทางเดียวกัน

“ผมอยากฝากการบ้านให้ผู้ประกอบการ และ สมาคมที่เกี่ยวข้อง ให้มองไปข้างหน้าว่าอีก 10 ปี อยากเห็นเห็นภาคประกันป็นเช่นไร ซึ่งคปภ.พร้อมที่จะร่วมมือในการพัฒนา เพื่อให้เห็นภาพ หรือ กรอบ และเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน”

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดทุนผันผวนเกิดขึ้นถี่มากขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจ กลุ่มยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นยังคงประสบปัญหาชะลอตัว โดยหลังจากการคลับเคลื่อนจีดีพีของโลกน่าจะพึ่งพาการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชียเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันจีดีพีของโลกมีมูลค่า 62 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า จีดีพีของโลกจะเพิ่มเป็น 308 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เพิ่ม 5 เท่าจากปัจจุบัน โดยสัดส่วนของจีดีพีโลกขณะนี้มาจากกลุ่มประเทศในเอเชีย 21% แต่เชื่อว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็น 47%

“จีดีพีในเอเชีย ถือว่ามีความสำคัญมากต่อจีดีพีของโลก เพราะฉะนั้นไทยควรใช้โอกาสตรงจุดนี้ ขณะที่ประชากรของโลกก็มีมากถึง 7ล้านล้านคน และที่สำคัญประชากรในเอเชีย ก็มีมากที่สุด มียอดการใช้จ่ายมากที่สุด โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ในขณะที่ไทยก็ถือว่าเป็นผู้นำในอินโดจีน”

นายประเวช กล่าวอีกว่า เป้าหมายของเบี้ยรับรวมในปี2557 ซึ่งสิ้นสุดแผนพัฒนาธุรกิจประกัน เชื่อว่าเบี้ยประกันรับรวมจะอยู่ที่ 6%ของจีดีพีได้แน่นอน เพราะเชื่อว่าจีดีพีของโลกโต จีดีพีของประกันก็ต้องโตขึ้น และปี54 ก็มั่นใจว่าอัตราเบี้ยโดยรวมน่าพอใจ แม้ว่าขณะนี้ภาพรวมมีน้ำท่วม ดังนั้นคปภ.และเอกชนต้องหันมาช่วยกันเร่งฟื้นฟู สร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกัน หากมีการเคลมสินไหมก็เร่งดำเนินการให้รวดเร็ว ตรงไหนมีปัญหาอุปสรรคก็ให้ติดต่อคปภ.เพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหา

ทั้งนี้ จึงอยากให้ภาคเอกชน ช่วยกันคิดและหามาตรการในการออกแบบประกันรองรับกลุ่มคนระดับกลางที่จะมีรายได้เพิ่ม เพราะอย่างน้อยในอีก 15 ปีข้างหน้าประชากรของโลกจะเข้าสู่วันเกษียณมากขึ้น เพราะฉะนั้นสินค้าประกันก็ต้องออกแบบมาให้สอดคล้องและรองรับกับคนวัยเกษียณมากขึ้น ดังนั้นต้องตื่นตัวตั้งแต่บัดนี้ ต้องสร้างสินค้าออกมารองรับให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น