กองทุนส่วนบุคคล 8 เดือน ยังโตได้ เงินไหลเข้าอีกกว่า 12,854.71 ล้านบาท ดันสินทรัพย์รวมขยับเป็น 290,063.67 ล้านบาท ด้าน บลจ.กสิกรไทย ยังรั้งแชมป์ส่วนแบ่งสูงสุด ด้วยเงินลงทุนกว่า 7 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลในช่วง 8 เดือนของปีนี้ ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภาวะการลงทุนจะค่อนข้างผันผวนทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นเอง รวมถึงการลงทุนในตราสารหนี้ด้วย ทั้งนี้ จากการรายงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ล่าสุด (29 กันยายน) พบว่า เงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบ ณ เดือนสิงหาคม 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 290,063.67 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 277,208.96 ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา พบว่า มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นทั้งระบบประมาณ 12,854.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตแล้ว 4.64%
จากการสำรวจเงินลงทุนแยกตามบริษัทจัดการ 10 อันดับแรก พบว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเงินลงทุนรวม 71,377.08 ล้านบาท ซึ่งในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 7,850 อันดับ 2 บลจ. ทิสโก้ ด้วยเงินลงทุนในพอร์ตรวม 39,245.42 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อนรวมทั้งสิ้น 2,782.04 ล้านบาท
อันดับ 3. บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 29,033.20 ล้านบาท เติบโตขึ้นอีกกว่า 5,032.5 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมา อันดับ 4. บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) มีสินทรัพย์ในส่วนกองทุนส่วนบุคคลรวม 26,515.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีเล็กน้อย 660.4 ล้านบาท
อันดับ 5. บลจ.วรรณ จำกัด มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 25,048.94 ล้านบาท โดยบลจ.วรรณ เป็นอีกบลจ. ที่มีสินทรัพย์ลดลงจากปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 4,687.55 ล้านบาท อันดับ 6. บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากเงินลงทุน 10,522.18 ล้านบาทขยับขึ้นมาเป็น 21,284.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10,762.73 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราโตแบบก้าวกระโดด 100% ทีเดียว
อันดับ 7. บลจ.กรุงศรี จำกัด ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 20,861.19 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนอีกประมาณ 2,530.67 ล้านบาท อันดับ 8.บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีเงินลงทุนในพอร์ตรวมทั้งสิ้น 16,522.32 ล้านบาท และเป็นอีก บลจ.ที่มีสินทรัพย์ลดลงประมาณ 2,619.47 ล้านบาท
อันดับ 9. บลจ.ธนชาต มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,649.115 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 37.67 ล้านบาท จากปีก่อน และอันดับ 10. บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,680.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1,055.08 ล้านบาทจากปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลในช่วง 8 เดือนของปีนี้ ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภาวะการลงทุนจะค่อนข้างผันผวนทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นเอง รวมถึงการลงทุนในตราสารหนี้ด้วย ทั้งนี้ จากการรายงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ล่าสุด (29 กันยายน) พบว่า เงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบ ณ เดือนสิงหาคม 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 290,063.67 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 277,208.96 ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา พบว่า มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นทั้งระบบประมาณ 12,854.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตแล้ว 4.64%
จากการสำรวจเงินลงทุนแยกตามบริษัทจัดการ 10 อันดับแรก พบว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเงินลงทุนรวม 71,377.08 ล้านบาท ซึ่งในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 7,850 อันดับ 2 บลจ. ทิสโก้ ด้วยเงินลงทุนในพอร์ตรวม 39,245.42 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อนรวมทั้งสิ้น 2,782.04 ล้านบาท
อันดับ 3. บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 29,033.20 ล้านบาท เติบโตขึ้นอีกกว่า 5,032.5 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมา อันดับ 4. บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) มีสินทรัพย์ในส่วนกองทุนส่วนบุคคลรวม 26,515.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีเล็กน้อย 660.4 ล้านบาท
อันดับ 5. บลจ.วรรณ จำกัด มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 25,048.94 ล้านบาท โดยบลจ.วรรณ เป็นอีกบลจ. ที่มีสินทรัพย์ลดลงจากปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 4,687.55 ล้านบาท อันดับ 6. บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากเงินลงทุน 10,522.18 ล้านบาทขยับขึ้นมาเป็น 21,284.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10,762.73 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราโตแบบก้าวกระโดด 100% ทีเดียว
อันดับ 7. บลจ.กรุงศรี จำกัด ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 20,861.19 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนอีกประมาณ 2,530.67 ล้านบาท อันดับ 8.บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีเงินลงทุนในพอร์ตรวมทั้งสิ้น 16,522.32 ล้านบาท และเป็นอีก บลจ.ที่มีสินทรัพย์ลดลงประมาณ 2,619.47 ล้านบาท
อันดับ 9. บลจ.ธนชาต มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,649.115 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 37.67 ล้านบาท จากปีก่อน และอันดับ 10. บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,680.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1,055.08 ล้านบาทจากปีก่อน
