เอชเอสบีซี เผยผู้จัดการกองทุนทั่วโลกเล็งลงทุนหุ้นในจีน หลังสหรัฐฯ และยุโรปเจอวิกฤต ด้านตลาดพันธบัตรเอเชีย และพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงมีอนาคตสดใส ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในตลาดเกิดใหม่
นายบรูโน ลี ผู้อำนวยการบริหาร แผนกบริหารความมั่งคั่ง ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า การผันผวนของตลาดในขณะนี้ เป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงไม่แน่นอน แต่คาดการณ์รายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตดีอยู่ ผู้จัดการกองทุนจึงกำลังมองหาโอกาสลงทุนในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน เนื่องจากตลาดคาดว่าการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่องของทางการจีนจะสิ้นสุดลง
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุนมองตลาดพันธบัตรเอเชีย และพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงมีอนาคตสดใส เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในตลาดเกิดใหม่และประเทศแถบเอเชีย รวมถึงรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยร้อยละ 83 ของผู้จัดการกองทุน ได้ให้น้ำหนักลงทุนในตลาดพันธบัตรเอเชียเพิ่มขึ้น จากไตรมาส 2 ที่มีเพียงร้อยละ 14 และร้อยละ 71 สนใจลงทุนในพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ในไตรมาส 2 และมีผู้จัดการกองทุนร้อยละ 57 ที่ให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากร้อยละ 25 ในไตรมาสก่อน เพราะคาดหวังว่านโยบายเข้มงวดทางการเงินและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะคลี่คลายลง
ทั้งนี้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วนอย่างหนักในช่วงของการสำรวจ ครึ่งหนึ่งของผู้จัดการกองทุน หรือร้อยละ 50 จากที่มีเพียงร้อยละ 11 ในไตรมาส 2 ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป และร้อยละ 83 มองว่าตลาดพันธบัตรยุโรปอยู่ในภาวะซบเซา เทียบกับร้อยละ 57 ในไตรมาส 2 และร้อยละ 71 ในไตรมาส 3 เห็นว่าตลาดพันธบัตรของสหรัฐไม่น่าลงทุน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ในไตรมาสก่อน
นายลี กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากสภาพตลาดที่ผันผวนต่อเนื่อง นักลงทุนควรจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากที่ปรึกษาทางการเงิน และหมั่นทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระจายการลงทุนอย่างสมดุลตามเป้าหมายการลงทุนและการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน
ธนาคารเอชเอสบีซีได้ทำการสำรวจและวิเคราะห์ความคิดเห็นของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกรวม 12 แห่ง 1 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554 ผลสำรวจพบว่า เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 51 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.17 จากไตรมาส 1 เป็นผลจากกองทุนพันธบัตรที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 62 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่กองทุนหุ้นและกองทุนที่ลงทุนในตลาดเงินมีปริมาณเงินลดลง 14.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 12.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ โดยในไตรมาส 2 ภูมิภาคอเมริกาเหนือยังคงครองอันดับหนึ่งของภูมิภาคที่มีเงินไหลเข้าลงทุนทั้งในหุ้นและพันธบัตร ส่วนภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก รั้งที่สองสำหรับปริมาณเงินที่ไหลเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น
นายบรูโน ลี ผู้อำนวยการบริหาร แผนกบริหารความมั่งคั่ง ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า การผันผวนของตลาดในขณะนี้ เป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงไม่แน่นอน แต่คาดการณ์รายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตดีอยู่ ผู้จัดการกองทุนจึงกำลังมองหาโอกาสลงทุนในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน เนื่องจากตลาดคาดว่าการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่องของทางการจีนจะสิ้นสุดลง
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุนมองตลาดพันธบัตรเอเชีย และพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงมีอนาคตสดใส เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในตลาดเกิดใหม่และประเทศแถบเอเชีย รวมถึงรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยร้อยละ 83 ของผู้จัดการกองทุน ได้ให้น้ำหนักลงทุนในตลาดพันธบัตรเอเชียเพิ่มขึ้น จากไตรมาส 2 ที่มีเพียงร้อยละ 14 และร้อยละ 71 สนใจลงทุนในพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ในไตรมาส 2 และมีผู้จัดการกองทุนร้อยละ 57 ที่ให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากร้อยละ 25 ในไตรมาสก่อน เพราะคาดหวังว่านโยบายเข้มงวดทางการเงินและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะคลี่คลายลง
ทั้งนี้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วนอย่างหนักในช่วงของการสำรวจ ครึ่งหนึ่งของผู้จัดการกองทุน หรือร้อยละ 50 จากที่มีเพียงร้อยละ 11 ในไตรมาส 2 ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป และร้อยละ 83 มองว่าตลาดพันธบัตรยุโรปอยู่ในภาวะซบเซา เทียบกับร้อยละ 57 ในไตรมาส 2 และร้อยละ 71 ในไตรมาส 3 เห็นว่าตลาดพันธบัตรของสหรัฐไม่น่าลงทุน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ในไตรมาสก่อน
นายลี กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากสภาพตลาดที่ผันผวนต่อเนื่อง นักลงทุนควรจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากที่ปรึกษาทางการเงิน และหมั่นทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระจายการลงทุนอย่างสมดุลตามเป้าหมายการลงทุนและการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน
ธนาคารเอชเอสบีซีได้ทำการสำรวจและวิเคราะห์ความคิดเห็นของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกรวม 12 แห่ง 1 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554 ผลสำรวจพบว่า เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 51 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.17 จากไตรมาส 1 เป็นผลจากกองทุนพันธบัตรที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 62 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่กองทุนหุ้นและกองทุนที่ลงทุนในตลาดเงินมีปริมาณเงินลดลง 14.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 12.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ โดยในไตรมาส 2 ภูมิภาคอเมริกาเหนือยังคงครองอันดับหนึ่งของภูมิภาคที่มีเงินไหลเข้าลงทุนทั้งในหุ้นและพันธบัตร ส่วนภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก รั้งที่สองสำหรับปริมาณเงินที่ไหลเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น