xs
xsm
sm
md
lg

BKIเล็งช้อนหุ้นช่วง950จุด ยันคงเบี้ยรถยนต์แม้ค่าแรง-อะไหล่พุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิ๊กกรุงเทพประกันภัย คาดพิษสหรัฐ-ยุโรปฉุดหุ้นไทยลงอีก เล็งช้อนหุ้นหากดัชนีแตะ 950 จุด ระบุแนวโน้มประกันภัยครึ่งหลังโตอีก เหตุอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นหลังสึนามิ พร้อมปัจจัยหนุนเพียบ ขณะเดียวกันยันคงเบี้ยประกันรถยนต์เท่าเดิม แม้ต้นทุนค่าแรง อะไหล่ เพิ่มตามเงินเฟ้อ

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ที่ผ่านมาบริษัทมีการขายหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตเพื่อทำกำไรออกไปบ้าง โดยหลังจากนี้จะยังไม่มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น เนื่องจากต้องการ รักษาการดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง หรือ Risk based Capital (RBC) ของบริษัทให้อยู่ในระดับดีตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ที่จะใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายนนี้

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรจากการลงทุนในหุ้นประมาณ 195 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำได้ประมาณ 148 ล้านบาท มาจากการเทขายหุ้นตามความเหมาะสมแต่จะไม่ทำการขายหุ้นในกลุ่มเครือกรุงเทพทั้ง BBL-BLA-BH เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว โดยปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาทุนประมาณ 288%

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยน่าจะได้รับผลกระทบจากต่างประเทศและอาจทำให้ดัชนีปรับลดลงได้อีก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่อาจลดต่ำลงแตะ 930 จุด

โดยบริษัทพร้อมที่จะช้อนหุ้นคืนหากดัชนีปลายปีแตะที่ระดับ 950 จุด โดยเน้นหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET 50 เป็นหลัก เนื่องจากเชื่อว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวต่างชาติถือครองมาก ส่วนผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนรวมปีนี้ คาดว่า น่าจะสูงกว่าช่วงปีที่ผ่านมาประมาณ 20% แม้ว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้กำไรจากการลงทุนจะน้อยกว่าช่วงปีแรกก็ตาม

นายพนัส ธีรวณิชย์กุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยนะจะปรับตัวดีขึ้นจากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554 นั้น จากการคาดการณ์จีดีพีของไทยจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 โดยทั้งปี 2554 จะอยู่ที่ร้อยละ 4.1 แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะเกิดสึนามิขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรือกระทั่งการเกิดวิกฤตหนี้ในสหภาพยุโรป และปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ แต่สิ่งเหล่านี้ก็มิได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุน ในด้านการการส่งมอบรถยนต์ใหม่ที่คาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 9 แสนคัน หลังจากที่ประสบปัญหาสึนามิทำให้เกิดการล่าช้า ซึ่งในส่วนของรถยนต์ที่เป็นรถใหม่ หากประเมิณขั้นต้นด้วยการประกันภัยชั้นหนึ่งที่ 1.4-1.5 หมื่นบาทต่อคันจะมีเม็ดเงินเข้ามาในธุรกิจประกันภัยกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

ส่วนปัจจัยอื่นๆ จะเป็นเรื่องของการธุรกิจการก่อสร้างก็เป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่เป็นตัวแปรที่สำคัญ เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้าหลายสาย หลากสีต่างๆ ซึ่งได้มีการประมูลและได้ผู้รับเหมาไปแล้ว และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น คืออยู่ที่ร้อยละ 3.5 - 4.5 โดยคาดว่าสินเชื่อภาคธนาคารทั้งปี 2554 จะอยู่ที่ร้อยละ 10.0 ในขณะที่ปี 2553 อยู่ที่ร้อยละ 7.0 เท่านั้น

"ในส่วนของรถยนต์น่าจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากช่วงที่ผ่านมามีแต่ใบจอง แต่ก็มีเรื่องของ Loss Ratio ของรถยนต์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ประมาณ 5% มาอยู่ที่ 57.9% โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ ค่าแรง ค่าอะไหล่ จากพรบ.คุ้มครองภาคบังคับ แต่ในส่วนของภาคสมัครใจต้นทุนนี้ยังไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็มีกำไรไม่มากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากนี้คงจะยังไม่มีการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มเติมแต่อย่างใด"นายพนัสกล่าว

6เดือนกวาดเบี้ย5.3พันล้าน

นายพนัส กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,397.5 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 มีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 550.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 รายได้สุทธิจากการลงทุน 694.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 กำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 1,220.3 ล้านบาท และเมื่อหักภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 950.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 12.50 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น