ASTVผู้จัดการรายวัน - 3 กองทุนอีทีเอฟน้องใหม่ พร้อมเป็นทางเลือกนักลงทุนรับมือตลาดโลกผันผวน ชูทองคำ รับราคาทองพุ่ง พร้อมเสนอทางเลือกเก็บหุ้นปันผล รับปัจจัยลบ ฉุดดัชนีผันผวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากสำนักงานก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนให้มีการลงทุนในกองทุน ETF มากขึ้น ส่งผลให้มีหลายกองทุนเริ่มออกมาชิมลางตลาดกันมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนอีทีเอฟน้องใหม่อย่างอีทีเอฟทองคำ ซึ่งที่ผ่านมากองทุนทองคำในบ้านเราส่วนใหญ่จะออกไปลงทุนในอีทีเอฟเมืองนอกเท่านั้น
โดยล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ได้จับมือลงนามบันทึกข้อตกลงกับพันธมิตรใหญ่ร้านทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท ห้องขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด , บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จำกัด , บริษัท ออสสิริส จำกัด และบริษัท วาย แอล จี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อจัดตั้งกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ (BCHAY) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาจาก ก.ล.ต. และคาดว่าจะสามารถเปิดไอพีโอได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภทอีทีเอฟทองคำ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ลงทุนตรงในทองคำแท่งภายในประเทศ และถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ชอบลงทุนในทองคำ ซึ่งก่อนหน้านี้คนไทยจะชอบการลงทุนในทองรูปพรรณ และต่อมาเป็นทองคำแท่ง จนล่าสุดเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโกลฟิวเจอร์ขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด อยู่ระหว่างทำการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ThaiDEX SET High Dividend ETF (1DIV) ในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2554 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่ลงทุนในตราสารแห่งทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบดัชนีอ้างอิง SET High Dividend 30 Index และมีจำนวนเงินทุนของโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บลจ.วรรณ ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯให้เป็นผู้จัดตั้งและจัดการ TDEX ซึ่งเป็น Equity ETF เป็นแห่งแรกของประทศไทย ในปัจจุบันกองทุน TDEX นั้นนับว่าเป็นกองทุน Equity ETF ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนให้การตอบรับ ETF นั้นคือเรื่องของการซื้อขายที่สะดวกและง่าย โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย Real-time ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ได้ทันที โดยลักษณะของ TDEX และ1DIV นั้นสามารถซื้อขายได้เหมือนกับหุ้นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกองทุน ThaiDEX SET High Dividend ETF หลักจากจดทะเบียนเข้าตลาดหลีกทรัพย์ฯในหมวด (Unit trust) โดยใช้ชื่อย่อว่า 1DIV และมีกำหนดวันเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรกในวันที่ 16 สิงหาคม 2554
ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บลจ.จะทำการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเคแทม โกลด์อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (GLD) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับราคากองทุนทองคำกองทุนแรกของประเทศไทย โดยจะเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 25 - 29 กรกฏาคม 2554 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท กองทุนมีนโยบายเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR?Gold Trust กองทุนอีทีเอฟทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 โดยใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า GLD
สำหรับเด่นของกองทุน GLD คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามกองทุนรวมหลักที่มุ่งสะท้อนราคาทองคำ Spot Gold หลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 2 บาทเศษ และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมทองคำอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมั่นใจกับการมีบริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัทในเครือห้างทองฮั่วเซ่งเฮงเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากสำนักงานก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนให้มีการลงทุนในกองทุน ETF มากขึ้น ส่งผลให้มีหลายกองทุนเริ่มออกมาชิมลางตลาดกันมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนอีทีเอฟน้องใหม่อย่างอีทีเอฟทองคำ ซึ่งที่ผ่านมากองทุนทองคำในบ้านเราส่วนใหญ่จะออกไปลงทุนในอีทีเอฟเมืองนอกเท่านั้น
โดยล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ได้จับมือลงนามบันทึกข้อตกลงกับพันธมิตรใหญ่ร้านทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท ห้องขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด , บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จำกัด , บริษัท ออสสิริส จำกัด และบริษัท วาย แอล จี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อจัดตั้งกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ (BCHAY) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาจาก ก.ล.ต. และคาดว่าจะสามารถเปิดไอพีโอได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภทอีทีเอฟทองคำ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ลงทุนตรงในทองคำแท่งภายในประเทศ และถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ชอบลงทุนในทองคำ ซึ่งก่อนหน้านี้คนไทยจะชอบการลงทุนในทองรูปพรรณ และต่อมาเป็นทองคำแท่ง จนล่าสุดเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโกลฟิวเจอร์ขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด อยู่ระหว่างทำการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ThaiDEX SET High Dividend ETF (1DIV) ในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2554 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่ลงทุนในตราสารแห่งทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบดัชนีอ้างอิง SET High Dividend 30 Index และมีจำนวนเงินทุนของโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บลจ.วรรณ ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯให้เป็นผู้จัดตั้งและจัดการ TDEX ซึ่งเป็น Equity ETF เป็นแห่งแรกของประทศไทย ในปัจจุบันกองทุน TDEX นั้นนับว่าเป็นกองทุน Equity ETF ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนให้การตอบรับ ETF นั้นคือเรื่องของการซื้อขายที่สะดวกและง่าย โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย Real-time ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ได้ทันที โดยลักษณะของ TDEX และ1DIV นั้นสามารถซื้อขายได้เหมือนกับหุ้นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกองทุน ThaiDEX SET High Dividend ETF หลักจากจดทะเบียนเข้าตลาดหลีกทรัพย์ฯในหมวด (Unit trust) โดยใช้ชื่อย่อว่า 1DIV และมีกำหนดวันเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรกในวันที่ 16 สิงหาคม 2554
ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บลจ.จะทำการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเคแทม โกลด์อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (GLD) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับราคากองทุนทองคำกองทุนแรกของประเทศไทย โดยจะเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 25 - 29 กรกฏาคม 2554 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท กองทุนมีนโยบายเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR?Gold Trust กองทุนอีทีเอฟทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 โดยใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า GLD
สำหรับเด่นของกองทุน GLD คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามกองทุนรวมหลักที่มุ่งสะท้อนราคาทองคำ Spot Gold หลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 2 บาทเศษ และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมทองคำอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมั่นใจกับการมีบริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัทในเครือห้างทองฮั่วเซ่งเฮงเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องอีกด้วย