ฟิทช์ ประกาศคงอันดับเรตติ้ง เอไอเอ ประเทศไทย ที่ ‘AAA(tha)แนวโน้มมีเสถียรภาพ เหตุมีความแข็งแกร่งทางการเงินสูง และผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นตามคาดการณ์ ระบุสาขาในประเทศไทยสุดแกร่งมีสัดส่วนกำไรสูงถึง 36% ของบริษัทแม่
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีความเห็นในการคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ภายในประเทศ (National IFS) แก่บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ประเทศไทย (เอไอเอ ประเทศไทย) ที่ ‘AAA(tha)’และแนวโน้มมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่มีเสถียรภาพสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า AIA จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในด้านต่างๆได้ในระยะปานกลาง ขณะเดียวกันความแข็งแกร่งทางการเงินและระดับเงินกองทุนของ AIA อย่างไรก็ตามหากมีการปรับตัวอ่อนแอลง อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ เอไอเอ ประเทศไทย ถูกปรับลดลง
สำหรับ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน AAA (tha) นี้สะท้อนถึงสถานภาพทางกฎหมายของเอไอเอ ที่มีสถานะเป็นสาขาของบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (AIA) ซึ่งมีผลกำไรในการดำเนินงานที่ดี มีเงินกองทุนที่อยู่ในระดับแข็งแกร่ง มีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ และมีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในเอเชีย
โดยเอไอเอ ประเทศไทย มีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% ในปี 2553 มีเงินกองทุนที่มั่นคงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทประกันชีวิตอื่นๆในประเทศ มีการเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตัวแทนประกันชีวิตที่ให้บริการจำนวนมากที่สุดในประเทศ และมีผลประกอบการทางการเงินที่ดี อันดับความมั่นคงทางการเงินยังพิจารณารวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการได้รับความสนับสนุนทั้งทางด้านเทคนิคและการดำเนินงานจาก AIA
นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากในปี 2553 ของบริษัทเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามที่ฟิทช์คาดการณ์ โดยมีรายได้จากการลงทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากพอร์ตการลงทุนที่รับรู้ในปีก่อน รวมทั้งมีรายได้เบี้ยประกันชีวิตที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์รวมเฉลี่ย (ROAA) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ 2.0% ในปี 2553 จาก 0.7% ในปี 2552 การทำกำไรจากการลงทุน (Running yields) ค่อนข้างอยู่ในระดับคงที่ ที่ 5.6% ในปี 2553 ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับคงที่เช่นกันที่ 5.3% ของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ
ทั้งนี้ ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญในด้านของขนาดและการเติบโตต่อบริษัท AIA ซึ่งการดำเนินธุรกิจโดยสาขาในประเทศไทยเป็นสัดส่วนที่มีความสำคัญต่อบริษัท ตัวเลขที่แสดงผลการดำเนินงานของสาขาตามหลักการบัญชีแบบ IFRS แสดงให้เห็นว่าสาขามีกำไรเป็นสัดส่วนถึง 36% ของกำไรสุทธิของ AIA Group ในปี 2553 และ มี Embedded Value เป็นสัดส่วน 22% ของกลุ่ม และส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 25% ของกลุ่ม ณ สิ้นปี 2553
โดยกลยุทธ์ในการเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ และการที่มีตัวแทนประกันชีวิตที่สามารถให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพจำนวนมาก ทำให้เอไอเอ ประเทศไทย สามารถรักษาสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งและคงอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเบี้ยประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสาขาจะเผชิญกับความท้าทายในทางธุรกิจจากบริษัทประกันรายใหญ่ที่มีช่องทางการขายประกันผ่านธนาคารที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงมีส่วนต่างของสัดส่วนทางการตลาดระหว่าง เอไอเอ ประเทศไทย และบริษัทประกันชีวิตอื่นๆในประเทศค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะยังคงรักษาส่วนต่างดังกล่าวไว้ได้อย่างน้อยในระยะปานกลาง
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าจับต่า กล่าวคือ ส่วนต่างระหว่างระยะเวลาครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สิน เนื่องจากปริมาณของพันธบัตรระยะยาวในตลาดมีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เอไอเอ ประเทศไทย ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการบริหารทรัพย์สินและหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นโบายการลงทุนของเอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเป็นแบบอนุรักษ์ โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ในสัดส่วนประมาณ 78% ของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมด และมีเพียง 16% ที่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้น
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีความเห็นในการคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ภายในประเทศ (National IFS) แก่บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ประเทศไทย (เอไอเอ ประเทศไทย) ที่ ‘AAA(tha)’และแนวโน้มมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่มีเสถียรภาพสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า AIA จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในด้านต่างๆได้ในระยะปานกลาง ขณะเดียวกันความแข็งแกร่งทางการเงินและระดับเงินกองทุนของ AIA อย่างไรก็ตามหากมีการปรับตัวอ่อนแอลง อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ เอไอเอ ประเทศไทย ถูกปรับลดลง
สำหรับ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน AAA (tha) นี้สะท้อนถึงสถานภาพทางกฎหมายของเอไอเอ ที่มีสถานะเป็นสาขาของบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (AIA) ซึ่งมีผลกำไรในการดำเนินงานที่ดี มีเงินกองทุนที่อยู่ในระดับแข็งแกร่ง มีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ และมีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในเอเชีย
โดยเอไอเอ ประเทศไทย มีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% ในปี 2553 มีเงินกองทุนที่มั่นคงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทประกันชีวิตอื่นๆในประเทศ มีการเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตัวแทนประกันชีวิตที่ให้บริการจำนวนมากที่สุดในประเทศ และมีผลประกอบการทางการเงินที่ดี อันดับความมั่นคงทางการเงินยังพิจารณารวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการได้รับความสนับสนุนทั้งทางด้านเทคนิคและการดำเนินงานจาก AIA
นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากในปี 2553 ของบริษัทเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามที่ฟิทช์คาดการณ์ โดยมีรายได้จากการลงทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากพอร์ตการลงทุนที่รับรู้ในปีก่อน รวมทั้งมีรายได้เบี้ยประกันชีวิตที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์รวมเฉลี่ย (ROAA) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ 2.0% ในปี 2553 จาก 0.7% ในปี 2552 การทำกำไรจากการลงทุน (Running yields) ค่อนข้างอยู่ในระดับคงที่ ที่ 5.6% ในปี 2553 ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับคงที่เช่นกันที่ 5.3% ของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ
ทั้งนี้ ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญในด้านของขนาดและการเติบโตต่อบริษัท AIA ซึ่งการดำเนินธุรกิจโดยสาขาในประเทศไทยเป็นสัดส่วนที่มีความสำคัญต่อบริษัท ตัวเลขที่แสดงผลการดำเนินงานของสาขาตามหลักการบัญชีแบบ IFRS แสดงให้เห็นว่าสาขามีกำไรเป็นสัดส่วนถึง 36% ของกำไรสุทธิของ AIA Group ในปี 2553 และ มี Embedded Value เป็นสัดส่วน 22% ของกลุ่ม และส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 25% ของกลุ่ม ณ สิ้นปี 2553
โดยกลยุทธ์ในการเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ และการที่มีตัวแทนประกันชีวิตที่สามารถให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพจำนวนมาก ทำให้เอไอเอ ประเทศไทย สามารถรักษาสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งและคงอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเบี้ยประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสาขาจะเผชิญกับความท้าทายในทางธุรกิจจากบริษัทประกันรายใหญ่ที่มีช่องทางการขายประกันผ่านธนาคารที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงมีส่วนต่างของสัดส่วนทางการตลาดระหว่าง เอไอเอ ประเทศไทย และบริษัทประกันชีวิตอื่นๆในประเทศค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะยังคงรักษาส่วนต่างดังกล่าวไว้ได้อย่างน้อยในระยะปานกลาง
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าจับต่า กล่าวคือ ส่วนต่างระหว่างระยะเวลาครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สิน เนื่องจากปริมาณของพันธบัตรระยะยาวในตลาดมีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เอไอเอ ประเทศไทย ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการบริหารทรัพย์สินและหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นโบายการลงทุนของเอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเป็นแบบอนุรักษ์ โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ในสัดส่วนประมาณ 78% ของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมด และมีเพียง 16% ที่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้น