บลจ. ทหารไทย ปลื้ม "ทหารไทยยูเอส ทริกเกอร์" นักลงทุนตอบรับดี ด้วยยอดเงินลงทุนกว่า 570 ล้านบาท ขณะที่ Global Bond Fund มีเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 2,000 ล้าน หลังโปรโมทเมื่อเดือนที่ผ่านมา
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า หลังงจากที่บริษัทได้เปิดขาย เปิดเสนอขายกองทุนเปิดทหารไทยยูเอส ทริกเกอร์ (TMB US Trigger Fund) มูลค่า2,000 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23-31 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ก็มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างดี โดยมียอดเงินลงทุนหลังจากปิดการเสนอขายจำนวน 570 ล้านบาท ซึ่งทาง บลจ. ทหารไทยก็ยังคงมองหาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หลังจากคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้น การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนจึงยังลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนประเภทเทอมฟันด์ รวมทั้งเงินฝากประจำของธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง รวมถึงกองทุนประเภทมันนี่มาร์เก็ต โดยในส่วนของบลจ.ทหารไทยลูกค้าก็ยังคงชอบลงทุนในกองทุน ธนบดี และ ธนพลัส ซึ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและให้ผลตอบแทนที่ดี ขณะที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งอาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้ อายุ ประมาณ 2-3 ปี และล็อคผลตอบแทนไว้ที่ประมาณ 4%
"ช่วงนี้ลูกค้ายังพักลงเงินลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง และคาดว่า กนง. น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 -2 ครั้งในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น" นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล ยังกล่าวว่า ทิศทางของการลงทุนในช่วงนี้ บริษัท ก็ยังคงเน้นไปที่กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund เนื่อง เศรษฐกิจของสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนขณะที่ยุโรปยังมีปัญหาในเรื่องหนี้สินของกรีซ ส่งผลให้เงินทุนยังไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่อยู่จำนวนมากและยังส่งผลให้สกุลเงินต่างในประเทศเกิดใหม่แข็งค่าขึ้น ทำให้กองทุน Global Bond Fund ที่ลงในตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนที่ดีจากอัตราแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้โปรโมทไปเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้น ก็ปรากฎว่าได้รับผลตอบแทนที่ดีจากนักลงทุน โดยมีเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท และ ณ ปัจจุบันกองทุนมีขาดกองทุนอยู่ที่ประมาณ 11,0000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงตลาดหุ้นในช่วงนี้ด้วยว่า หุ้นไทยยังมีความผันผวนในช่วงนี้หลังจากนักลงทุนต่างชาติเทขายออกไป อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดอื่นๆในโลกต่อเนื่องมาจากในปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะปรับตัวลงมาบ้างในช่วงนี้
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า หลังงจากที่บริษัทได้เปิดขาย เปิดเสนอขายกองทุนเปิดทหารไทยยูเอส ทริกเกอร์ (TMB US Trigger Fund) มูลค่า2,000 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23-31 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ก็มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างดี โดยมียอดเงินลงทุนหลังจากปิดการเสนอขายจำนวน 570 ล้านบาท ซึ่งทาง บลจ. ทหารไทยก็ยังคงมองหาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หลังจากคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้น การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนจึงยังลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนประเภทเทอมฟันด์ รวมทั้งเงินฝากประจำของธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง รวมถึงกองทุนประเภทมันนี่มาร์เก็ต โดยในส่วนของบลจ.ทหารไทยลูกค้าก็ยังคงชอบลงทุนในกองทุน ธนบดี และ ธนพลัส ซึ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและให้ผลตอบแทนที่ดี ขณะที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งอาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้ อายุ ประมาณ 2-3 ปี และล็อคผลตอบแทนไว้ที่ประมาณ 4%
"ช่วงนี้ลูกค้ายังพักลงเงินลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง และคาดว่า กนง. น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 -2 ครั้งในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น" นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล ยังกล่าวว่า ทิศทางของการลงทุนในช่วงนี้ บริษัท ก็ยังคงเน้นไปที่กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund เนื่อง เศรษฐกิจของสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนขณะที่ยุโรปยังมีปัญหาในเรื่องหนี้สินของกรีซ ส่งผลให้เงินทุนยังไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่อยู่จำนวนมากและยังส่งผลให้สกุลเงินต่างในประเทศเกิดใหม่แข็งค่าขึ้น ทำให้กองทุน Global Bond Fund ที่ลงในตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนที่ดีจากอัตราแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้โปรโมทไปเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้น ก็ปรากฎว่าได้รับผลตอบแทนที่ดีจากนักลงทุน โดยมีเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท และ ณ ปัจจุบันกองทุนมีขาดกองทุนอยู่ที่ประมาณ 11,0000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงตลาดหุ้นในช่วงนี้ด้วยว่า หุ้นไทยยังมีความผันผวนในช่วงนี้หลังจากนักลงทุนต่างชาติเทขายออกไป อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดอื่นๆในโลกต่อเนื่องมาจากในปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะปรับตัวลงมาบ้างในช่วงนี้