ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กรุงไทย เตรียมพร้อมส่งกองทุนอีทีเอฟ " KTAM GOLD ETF TRACKER"ลงทุน SPDR GOLD ในสิงคโปร์ เข้าเทรดตลาดหุ้นไทย ชูจุดเด่นซื้อขายแบบ Realtime คาดเปิดซื้อขายไอพีโอได้ในเดือนหน้านี้ ขณะที่ "ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์" ประเมินราคาทองคำภายในปีนี้อยู่ในกรอบ 1,550-1,600 เหรียญต่อออนซ์หากไร้ปัจจัยลบ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงแต่มีเพียงทองคำเท่านั้นที่ราคาไม่ได้ลดลงตาม ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับเข้ามาเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนทองคำมากขึ้นหลังจากมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและปัญหาหนี้ของกรีซ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในยุโรป
โดยล่าสุด บลจ.เพิ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการจัดตั้งกองทุน KTAM GOLD ETF TRACKER (GLD) ซึ่งเราได้รับความร่วมจากตลาดหลักทรัพย์ฯและ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด โดยทางบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง จะเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุน ( market maker) เราคาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถเปิดขายไอพีโอได้ในช่วงเดือนมิถุนายน หรือ กรกฎาคมนี้ โดยมีขนาดกองทุนในเบื้องต้นประมาณ 3 พันล้านบาท
ทั้งนี้กองทุน KTAM GOLD ETF TRACKER จะลงทุนใน SPDR GOLD ในสิงคโปร์ โดยข้อดีของกองทุน GLD คือราคาซื้อขายเป็นแบบ Realtime และนักลงทุนสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย
นายสมชัย อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บลจ. กรุงไทย กล่าวว่า กล่าวว่า ความต้องการของทองคำมีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย จีน บราซิล และรัสเซีย โดยวัตถุประสงค์หลักคือเอาไว้ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้การผลิตทองคำนั้นมีค่อนข้างน้อย โดยปัจจุบันเหมืองแร่สามารถผลิตทองคำได้เพียง 2000 ตันต่อปี ในขณะที่การขายทองคำของผู้ที่สะสมหรือการเทขายทองคำของธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วลดลง
"ราคาทองคำในช่วงระยะสั้นนั้นอาจจะมีความผันผวนระหว่างทางบ้าง แต่หากมองในระยะยาวราคาทองคำจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการที่มีอยู่จำกัดไม่ว่าจะเป็นแง่การใช้เป็นเครื่องประดับ หรือการลงทุน ซึ่งทองคำเองเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน ใกล้เคียงและสามารถสู้กับเงินเฟ้อได้"นายสมชัยกล่าว
นายธนรัตน์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่แตกต่างจากสินทรัพย์อื่น ซึ่งความต้องการบริโภคและการลงทุนมีค่อนข้างมาก รวมทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่สมารถคงคุณค่าได้อยู่เสมอ โดยที่ผ่านมาหลายประเทศใช้ทองคำเป็นทุนสำรองในประเทศรองจากการเก็บเงิน อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าคอมมอนีตีมีการปรับขึ้นลงตลอดเวลา แต่ราคาทองคำไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนั้นเท่าไร
"สำหรับราคาทองคำที่กลุ่ม ฮั่วเซ่งเฮง มองไว้ทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1,550-1,600 เหรียญต่อออนซ์ แต่ในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนระหว่างทางบ้าง ทั้งนี้คงต้องจับตาดูอีกครั้งว่าจะมีเหตุการณ์หรือปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อราคาทองคำ"นายธนรัตน์ กล่าว
เกศราหนุนจัดตั้งETFเพิ่ม
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรามีแผนที่ออกองทุน อีทีเอฟ อีก 5 กองทุน ซึ่งกองทุน KTAM GOLD ETF TRACKER เป็นกองทุนแรกของปีนี้ โดยเราจะสนับสนุนเงินในการลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตอนนี้มีบางบลจ.เริ่มเข้ามาพูดคุยถึงกองทุน ETF ด้วยเช่นกัน ซึ่งการลงทุนและรูปแบบอาจจะแตกต่างออกไปเช่น กองทุนETF ที่ลงทุนในทองคำ จะเป็นลักษณะซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้ภายในประเทศ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าลงทุนในทองคำ 96.5% หรือ 99.99% เป็นต้น อย่างไรก็ตามเรามองว่ารูปแบบการลงทุนที่หลากหลายจะช่วยให้นักลงทุนมีทางเลือกการลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้เราจะมีการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการการค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอและค่าธรรมเนียมเข้าจดทะเบียนจำนวน 1 แสนบาท และเก็บค่าธรรมเนียมรายปีที่คิด 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนให้บลจ.มีการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการตั้งกองทุนอีทีเอฟเข้ามาจดทะเบียน และทางตลท.มีงบร่วมลงทุนกับกองทุนอีทีเอฟ 5 กอง 5 แรกที่เข้าเทรด กองละ 20 ล้านบาทด้วย แต่ในปีหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเก็บเค่าธรรมเนียมตามปกติ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงแต่มีเพียงทองคำเท่านั้นที่ราคาไม่ได้ลดลงตาม ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับเข้ามาเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนทองคำมากขึ้นหลังจากมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและปัญหาหนี้ของกรีซ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในยุโรป
โดยล่าสุด บลจ.เพิ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการจัดตั้งกองทุน KTAM GOLD ETF TRACKER (GLD) ซึ่งเราได้รับความร่วมจากตลาดหลักทรัพย์ฯและ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด โดยทางบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง จะเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุน ( market maker) เราคาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถเปิดขายไอพีโอได้ในช่วงเดือนมิถุนายน หรือ กรกฎาคมนี้ โดยมีขนาดกองทุนในเบื้องต้นประมาณ 3 พันล้านบาท
ทั้งนี้กองทุน KTAM GOLD ETF TRACKER จะลงทุนใน SPDR GOLD ในสิงคโปร์ โดยข้อดีของกองทุน GLD คือราคาซื้อขายเป็นแบบ Realtime และนักลงทุนสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย
นายสมชัย อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บลจ. กรุงไทย กล่าวว่า กล่าวว่า ความต้องการของทองคำมีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย จีน บราซิล และรัสเซีย โดยวัตถุประสงค์หลักคือเอาไว้ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้การผลิตทองคำนั้นมีค่อนข้างน้อย โดยปัจจุบันเหมืองแร่สามารถผลิตทองคำได้เพียง 2000 ตันต่อปี ในขณะที่การขายทองคำของผู้ที่สะสมหรือการเทขายทองคำของธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วลดลง
"ราคาทองคำในช่วงระยะสั้นนั้นอาจจะมีความผันผวนระหว่างทางบ้าง แต่หากมองในระยะยาวราคาทองคำจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการที่มีอยู่จำกัดไม่ว่าจะเป็นแง่การใช้เป็นเครื่องประดับ หรือการลงทุน ซึ่งทองคำเองเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน ใกล้เคียงและสามารถสู้กับเงินเฟ้อได้"นายสมชัยกล่าว
นายธนรัตน์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่แตกต่างจากสินทรัพย์อื่น ซึ่งความต้องการบริโภคและการลงทุนมีค่อนข้างมาก รวมทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่สมารถคงคุณค่าได้อยู่เสมอ โดยที่ผ่านมาหลายประเทศใช้ทองคำเป็นทุนสำรองในประเทศรองจากการเก็บเงิน อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าคอมมอนีตีมีการปรับขึ้นลงตลอดเวลา แต่ราคาทองคำไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนั้นเท่าไร
"สำหรับราคาทองคำที่กลุ่ม ฮั่วเซ่งเฮง มองไว้ทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1,550-1,600 เหรียญต่อออนซ์ แต่ในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนระหว่างทางบ้าง ทั้งนี้คงต้องจับตาดูอีกครั้งว่าจะมีเหตุการณ์หรือปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อราคาทองคำ"นายธนรัตน์ กล่าว
เกศราหนุนจัดตั้งETFเพิ่ม
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรามีแผนที่ออกองทุน อีทีเอฟ อีก 5 กองทุน ซึ่งกองทุน KTAM GOLD ETF TRACKER เป็นกองทุนแรกของปีนี้ โดยเราจะสนับสนุนเงินในการลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตอนนี้มีบางบลจ.เริ่มเข้ามาพูดคุยถึงกองทุน ETF ด้วยเช่นกัน ซึ่งการลงทุนและรูปแบบอาจจะแตกต่างออกไปเช่น กองทุนETF ที่ลงทุนในทองคำ จะเป็นลักษณะซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้ภายในประเทศ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าลงทุนในทองคำ 96.5% หรือ 99.99% เป็นต้น อย่างไรก็ตามเรามองว่ารูปแบบการลงทุนที่หลากหลายจะช่วยให้นักลงทุนมีทางเลือกการลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้เราจะมีการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการการค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอและค่าธรรมเนียมเข้าจดทะเบียนจำนวน 1 แสนบาท และเก็บค่าธรรมเนียมรายปีที่คิด 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนให้บลจ.มีการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการตั้งกองทุนอีทีเอฟเข้ามาจดทะเบียน และทางตลท.มีงบร่วมลงทุนกับกองทุนอีทีเอฟ 5 กอง 5 แรกที่เข้าเทรด กองละ 20 ล้านบาทด้วย แต่ในปีหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเก็บเค่าธรรมเนียมตามปกติ