บลจ.กสิกรไทย ชงลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล โยกเงินลงทุน "Inflation Bond" รับผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ หลังประเมินยังต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งอีก 2 ปี เผยอยู่ระหว่างศึกษา ผลตอบแทนเฉลี่ยจูงใจ 7-8%ต่อปี
นายธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์ ผู้จัดการกองทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯกำลังศึกษาที่จะออก Structure product ที่เกี่ยวกับ Inflation Bond หรือตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อ ในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อในตลาดภูมิภาคยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี ดังนั้นจึงมองว่าการลงทุนในตราสารหนี้ตราสารหนี้ที่อ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อ น่าจะให้ผลตบแทนที่น่าสนใจกับนักลงทุนได้
ขณะนี้ดัชนีที่เราสนใจและศึกษาเพื่อใช้เพื่ออ้างอิงในการลงทุนนั้นคือ Emerging Market Tradable Inflation Link (EMTIL) The EMTIL Index is a rule-based index that provides diversified exposure to local currency inflation-linked debt from Emerging Markets sovereign issuers represented in the flagship Emerging Markets Government Inflation-Linked Bond benchmark index. Local currency inflation-linked markets measured in the EMTIL Index include Brazil, Mexico, Chile, Turkey, South Africa, Poland, and South Korea
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ดัชนีอ้างอิงที่ศึกษาดังกล่าวมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7-8%ต่อปี แต่เนื่องจาก Inflation Bond เป็นสินค้าที่เป็นเฉพาะกลุ่มไม่ใช่เปิดขายในวงกว้างได้ทั่วไป เพราะค่อนข้างมีความซับซ้อนในการเข้าใจ ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของเศรษฐกิจภาพรวมทั้งใน และต่างประเทศ รวมทั้งการเคลื่อนไหวของค่าเงินสุกลต่างประเทศด้วย เนื่องจากผลตอบแทนที่จะได้เป็นการเชื่อมโยงกันหมดไม่ว่าจะเป็นดัชนีใช้อ้างอิง และค่าเงิน
สำหรับโครงสร้างของ Structure product ที่วางแผนนั้นจะเป็นลักษณะที่คุ้มครองเงินต้น 100% อายุของกองทุน 2ปี และเป็นการเสนอขายเฉพาะลูกค้า private Fund ซึ่งขนาดของกองทุนที่คุ้มจะไปลงทุนต้องอย่างน้อย 5ล้านเหรียญสหรัฐ โดยนักลงทุนต้องลงทุนขั้นต่ำรายละ 10 ล้านบาท
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นจะไม่หลุด 1,000 จุด แม้ดัชนีหุ้นจะปรับตัวผันผวนในช่วงนี้ เนื่องจากดัชนีลงจากระดับสูงสุด ซึ่งปกติแล้วจะปรับตัวลงประมาณ 10% ประกอบกับดูจากเงินลงทุนต่างชาติแล้วยังมีเข้ามาต่อเนื่องในตลาหุ้นเกิดใหม่ ดังนั้นคงยังไม่ถอนออกไปเร็ว ขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนมีกำไรเติบโตที่ดี
สำหรับการเมืองของไทย ยังดูยากว่าจะไปทิศทางไหน และหากเลือกตั้งแล้วยังเกิดความไม่สงบก็อาจทำให้ดัชนีปรับตัวลงได้ รวมถึงหากน้ำมันปรับตัวลงแรงก็อาจฉุดให้ดัชนีลงหลุด 1,000 จุดได้
นายพัชร กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนหุ้นของบลจ.กสิกรไทยมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในตัวที่มีราคาเกินมูลค่าที่แท้จริง เพื่อไปลงทุนในตัวที่ยังมีราคาถูก ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนหุ้นไม่ได้นำหน่วยลงทุนมาขายมากนักแม้ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มียอดขายออกมาในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับปี 2553 ที่ขายออกมา 8,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจของบลจ.กสิกรไทยใน 4 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 682,000 ล้านบาท โตจากปลายปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 620,000-630,000 ล้านบาท โดยได้ลูกค้ากอทุนสำรองเลี้ยงชีพเข้ามาประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท ในส่วนของกองทุนรวมในปีนี้โตบาก เพราะธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนบางส่วนโยกไปฝากเงิน