รั้วของชาติอุ่นใจ ไทยประกันฯต่อสัญญาประกันชีวิตทหารหาญช่วงสงคราม-ความไม่สงบภาคใต้ ระบุเป็นการช่วยเหลือสังคมแบบไม่หวังกำไร คืนเบี้ยประกันเป็นสัวสดิการทหารหากสินไหมต่ำกว่าเบี้ยประกัน ด้านกลุ่ม เอไอเอโชว์ผลงานไตรมาสแรกโตกว่า 21% เบี้ยรับรวมเป็น 3,303 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มั่นใจไทย-เอเชียโตอีก จากเศรษฐกิจและโครงสร้างที่แข็งแกร่ง
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ร่วมลงนามต่อสัญญาประกันชีวิตทหาร เพื่อมอบความคุ้มครองแก่กำลังพลของกองทัพบกต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 โดยการประกันชีวิตทหารถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลัก ด้านการดูแลที่อยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ (CSR in Process) ซึ่งไม่เพียงแต่ดูแลชีวิตของลูกค้า บุคลากรฝ่ายขาย พนักงาน และคนในสังคมเท่านั้น หากแต่ไทยประกันชีวิตยังต้องดูแลเหล่าทหารหาญ ซึ่งถือเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติในลักษณะที่ไม่มุ่งแสวงหากำไร
ทั้งนี้ การประกันชีวิตทหารนั้น ไทยประกันชีวิตได้มอบความคุ้มครองกำลังพลทั้งในยามปฏิบัติภารกิจภาคสนามและในยามปกติ ภายใต้แบบประกัน ๓ แบบ ประกอบด้วย
กรมธรรม์แบบภัยสงคราม ซึ่งให้ความคุ้มครองทหารที่ออกปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามทั้งในและนอกประเทศ ทั้งกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจนถูกปลดประจำการ ซึ่งตั้งแต่ปี 2553ได้เพิ่มความคุ้มครองเพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงขึ้น โดยนายทหารชั้นสัญญาบัตรทุนประกัน 1,000,000 บาท นายทหารชั้นประทวน ทุนประกัน 800,000 บ บาท จากเดิม 500,000 บ บาท พลทหารประจำการ, พลทหารกองประจำการ , พลอาสาพิเศษอาสาสมัครทหารพราน , อาสาสมัครทหารพราน , ลูกจ้างประจำ , ลูกจ้างชั่วคราว และพนักงานราชการ ทุนประกัน 500,000 บ บาท จากเดิม 300,000 บ บาท ระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 1 เมษายน 2554ถึง 31 มีนาคม 2555
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเบี้ยประกันที่ได้รับจากกองทัพบกมาบริหารจัดการ โดยปีใดมีการจ่ายสินไหมทดแทนต่ำกว่าเบี้ยประกันรับ บริษัทฯ จะคืนเบี้ยประกันให้แก่กองทัพบก เพื่อนำไปใช้เป็นสวัสดิการให้กับบุคลากรของกองทัพต่อไป แต่หากปีใดมีการจ่ายสินไหมทดแทนเกินกว่าเบี้ยประกันรับ บริษัทฯ จะรับผิดชอบ 25% ของสินไหมทดแทนที่เกิน
นายไชย กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 จังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพบกได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงกรณีล่าสุดที่ทหารได้รับบาดเจ็บจากการลอบวางระเบิดและลอบยิงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ไทยประกันชีวิตในฐานะบริษัทประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองกำลังพลของกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็ได้มอบสินไหมทดแทนกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน
โดยตั้งแต่เริ่มสัญญาบริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนแก่กำลังพลของกองทัพบกที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจนปลดประจำการ ไปแล้วเป็นจำนวน 11,595 นาย รวมเป็นเงินสินไหมทดแทน 461,160,000 บาท
เอไอเอโชว์Q1โต21%
ด้าน นายมาร์ค ทักเกอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตของผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โยมูลค่าของธุรกิจใหม่ที่เป็นเครื่องชี้วัดผลการดำเนินงานมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็น 182 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ก็เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 1.3%
ทั้งนี้ ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 เงื่อนไขในการดำเนินงานในตลาดต่างๆทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคยังคงส่งผลดีต่อบริษัทประกันชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเริ่มต้นปีได้เกิดภัยธรรมชาติที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบทางการเงินต่อธุรกิจของบริษัท โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกขยายตัว 17% เป็น 512 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งฮ่องกงและสิงคโปร์มีอัตราการเติบโตมากกว่า 30%ส่วนรายได้ของเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 12% เป็น 3,303 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และตลาดอื่นๆ5 มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 2 หลักเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"เราเชื่อว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมเป็นเครื่องมือชี้วัดที่มีประโยชน์อย่างมากต่อศักยภาพในการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชี IFRS ของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไป เพราะหนี้สินของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อเรารับรู้รายได้จากเบี้ยประกันภัยรับ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้แรงขับเคลื่อนในระยะยาวของการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ทั้งด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างยังคงมีความแข็งแกร่ง"นายมาร์คกล่าว
นายมาร์ค กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมากลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทคือ การปรับเปลี่ยนสินค้าที่หลากหลาย (Product mix change) และการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มมากขึ้น บริษัทได้ปรับเปลี่ยนสินค้าที่หลากหลายด้วยการขยายขอบเขตในการให้ความคุ้มครองและปรับอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไปบางแบบ รวมทั้งยกเลิกกรมธรรม์บางแบบที่ให้อัตรากำไรต่ำ การให้ความสำคัญกับกรมธรรม์แบบชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด และลดโครงสร้างของกรมธรรม์แบบ back-end loaded
ทั้งนี้ ประเทศฮ่องกง ไทย และจีน ได้รับประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว สำหรับประเทศสิงคโปร์ได้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบควบการลงทุนที่ให้อัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนเกาหลีใต้มีผลการดำเนินงานที่ลดต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับผลงานที่แข็งแกร่งมากของไตรมาสแรกปี 2553 ที่ผ่านมา
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ร่วมลงนามต่อสัญญาประกันชีวิตทหาร เพื่อมอบความคุ้มครองแก่กำลังพลของกองทัพบกต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 โดยการประกันชีวิตทหารถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลัก ด้านการดูแลที่อยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ (CSR in Process) ซึ่งไม่เพียงแต่ดูแลชีวิตของลูกค้า บุคลากรฝ่ายขาย พนักงาน และคนในสังคมเท่านั้น หากแต่ไทยประกันชีวิตยังต้องดูแลเหล่าทหารหาญ ซึ่งถือเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติในลักษณะที่ไม่มุ่งแสวงหากำไร
ทั้งนี้ การประกันชีวิตทหารนั้น ไทยประกันชีวิตได้มอบความคุ้มครองกำลังพลทั้งในยามปฏิบัติภารกิจภาคสนามและในยามปกติ ภายใต้แบบประกัน ๓ แบบ ประกอบด้วย
กรมธรรม์แบบภัยสงคราม ซึ่งให้ความคุ้มครองทหารที่ออกปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามทั้งในและนอกประเทศ ทั้งกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจนถูกปลดประจำการ ซึ่งตั้งแต่ปี 2553ได้เพิ่มความคุ้มครองเพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงขึ้น โดยนายทหารชั้นสัญญาบัตรทุนประกัน 1,000,000 บาท นายทหารชั้นประทวน ทุนประกัน 800,000 บ บาท จากเดิม 500,000 บ บาท พลทหารประจำการ, พลทหารกองประจำการ , พลอาสาพิเศษอาสาสมัครทหารพราน , อาสาสมัครทหารพราน , ลูกจ้างประจำ , ลูกจ้างชั่วคราว และพนักงานราชการ ทุนประกัน 500,000 บ บาท จากเดิม 300,000 บ บาท ระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 1 เมษายน 2554ถึง 31 มีนาคม 2555
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเบี้ยประกันที่ได้รับจากกองทัพบกมาบริหารจัดการ โดยปีใดมีการจ่ายสินไหมทดแทนต่ำกว่าเบี้ยประกันรับ บริษัทฯ จะคืนเบี้ยประกันให้แก่กองทัพบก เพื่อนำไปใช้เป็นสวัสดิการให้กับบุคลากรของกองทัพต่อไป แต่หากปีใดมีการจ่ายสินไหมทดแทนเกินกว่าเบี้ยประกันรับ บริษัทฯ จะรับผิดชอบ 25% ของสินไหมทดแทนที่เกิน
นายไชย กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 จังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพบกได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงกรณีล่าสุดที่ทหารได้รับบาดเจ็บจากการลอบวางระเบิดและลอบยิงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ไทยประกันชีวิตในฐานะบริษัทประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองกำลังพลของกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็ได้มอบสินไหมทดแทนกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน
โดยตั้งแต่เริ่มสัญญาบริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนแก่กำลังพลของกองทัพบกที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจนปลดประจำการ ไปแล้วเป็นจำนวน 11,595 นาย รวมเป็นเงินสินไหมทดแทน 461,160,000 บาท
เอไอเอโชว์Q1โต21%
ด้าน นายมาร์ค ทักเกอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตของผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โยมูลค่าของธุรกิจใหม่ที่เป็นเครื่องชี้วัดผลการดำเนินงานมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็น 182 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ก็เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 1.3%
ทั้งนี้ ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 เงื่อนไขในการดำเนินงานในตลาดต่างๆทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคยังคงส่งผลดีต่อบริษัทประกันชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเริ่มต้นปีได้เกิดภัยธรรมชาติที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบทางการเงินต่อธุรกิจของบริษัท โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกขยายตัว 17% เป็น 512 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งฮ่องกงและสิงคโปร์มีอัตราการเติบโตมากกว่า 30%ส่วนรายได้ของเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 12% เป็น 3,303 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และตลาดอื่นๆ5 มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 2 หลักเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"เราเชื่อว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมเป็นเครื่องมือชี้วัดที่มีประโยชน์อย่างมากต่อศักยภาพในการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชี IFRS ของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไป เพราะหนี้สินของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อเรารับรู้รายได้จากเบี้ยประกันภัยรับ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้แรงขับเคลื่อนในระยะยาวของการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ทั้งด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างยังคงมีความแข็งแกร่ง"นายมาร์คกล่าว
นายมาร์ค กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมากลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทคือ การปรับเปลี่ยนสินค้าที่หลากหลาย (Product mix change) และการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มมากขึ้น บริษัทได้ปรับเปลี่ยนสินค้าที่หลากหลายด้วยการขยายขอบเขตในการให้ความคุ้มครองและปรับอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไปบางแบบ รวมทั้งยกเลิกกรมธรรม์บางแบบที่ให้อัตรากำไรต่ำ การให้ความสำคัญกับกรมธรรม์แบบชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด และลดโครงสร้างของกรมธรรม์แบบ back-end loaded
ทั้งนี้ ประเทศฮ่องกง ไทย และจีน ได้รับประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว สำหรับประเทศสิงคโปร์ได้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบควบการลงทุนที่ให้อัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนเกาหลีใต้มีผลการดำเนินงานที่ลดต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับผลงานที่แข็งแกร่งมากของไตรมาสแรกปี 2553 ที่ผ่านมา
