บิ๊กบริษัทประกันชีวิตชี้ดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นไม่กระทบธุรกิจประกัน เหตุกลุ่มลูกค้าแยกชัดเจน เมืองไทยประกันชีวิตเล็งขยายตัวแทนรุกตลาดมากขึ้น ตั้งเป้าปี54 เพิ่มเป็น 3 หมื่นคน พร้อมเตรียมพัฒนาเทคโนโลยีรองรับการเติบโต หวังปั่นตัวแทนเป็นนักวางแผนประกันชีวิต ด้าน"พรูเด็นเชียล"ขอแจมหวังเพิ่มตัวแทนใหม่เป็นสองเท่าของปัจจจุบัน หลังปี 53 โชว์เบี้ยรับปีแรกโตกว่า 58% หรือกว่า 1,150 ล้านบาท
นายสาระ ลำชำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวขึ้น และมีการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์คงไม่กระทบต่อธุรกิจประกันมากนัก เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะแบ่งภาพชัดเจนระหว่างการทำประกันชีวิตกับการออม โดยถึงแม้จะมีผลิตภัณฑ์บางตัวที่ใกล้เคียงกันแต่ยังไม่เห็นสัญญาณการไหลออกของเงินจากการทำประกันชีวิตในช่วงนี้
ส่วนการขยายฐานลูกค้าในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับช่องทางหลักทั้งในส่วนของ การจำหน่ายผ่านธนาคาร และตัวแทนจำหน่าย ซึ่งถึงแม้ที่ผ่านมาการจำหน่ายผ่านธนาคารฯจะเป็นช่องทางที่สะดวกและขยายตัวอย่างมากก็ตาม โดยบริษัทเชื่อว่าช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนยังเป็นฐานหลักที่จะเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มที่แตกต่างกันออกไป และในปีนี้ยังเตรียมที่จะขยายจำนวนตัวแทนจำหน่ายจาก 2 หมื่นคนให้ได้ถึง 3 หมื่นคนอีกด้วย
"เราให้น้ำหนักทั้งสองด้านแม้ที่ผ่านมาแบงก์โตขึ้นมากก็จริงแต่ลูกค้าจะเป็นในระดับกลางถึงบน แต่ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายจะเป็นแมสมากกว่า อีกทั้งสินค้าที่ขายก็ต่างกัน แบงก์จะขายสินค้าและกรมธรรม์ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ส่วนตัวแทนจะสามารถขายกรมธรรม์ที่ซับซ้อนกว่า อย่างยูนิตลิงค์ หรือยูนิเวิล์ดแซลไลฟ์ ได้ดีกว่า"นายสาระกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัวแทนบริษัทยังตั้งเป้าที่จะพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของตัวแทนจำหน่ายทุกคน เพื่อให้สามารถเข้าถึงทุกผลิตภัณฑ์และสามารถเป็นที่ปรึกษาทางการประกันชีวิตได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายในส่วนของช่องทางนี้ให้ได้ประมาณ 30% ต่อปีอีกด้วย
นายสาระ กล่าวอีกว่า นอกจากช่องทางหลักทั้ง 2 ช่องทางแล้ว บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางอื่นด้วย โดยในส่วนของการขายผ่านช่องทางออนไลน์นั้นคาดว่าจะขยายตัว แต่พฤติกรรมของคนไทยมักจะใช้ช่องทางนี้ในการหาข้อมูลมากกว่าจะทำการซื้อกรมธรรม์ แต่บริษัทเองยังคงจะพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการอำนวยความสะดวกด้านข้อมูล และให้บริการลูกค้า
ด้าน นายบินายัค ดัตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่า “ปี 2553 นับว่าเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP) ได้ถึง 1,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 58% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ที่เติบโตขึ้นร่วม 200% ในขณะที่ช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอับดับ 2 ก็ยังคงเป็นช่องทางที่พรูเด็นเชียลมีความเชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทฯ มีนโยบายเชิงรุกสำหรับช่องทางขายผ่านตัวแทน ทั้งด้านการสรรหาตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นให้ได้สองเท่า และเน้นให้ตัวแทนมีผลงานสม่ำเสมอ ซึ่งในทุกช่องทางจะเน้นการเติบโตอย่างรอบคอบและมั่นคง บนพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากเงินกองทุนสำรองที่บริษัทฯ ได้ดำรงไว้ถึง 691 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าจำนวนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายถึง 490% (ณ วันที่ 30 กันยายน 2553)”
นายสาระ ลำชำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวขึ้น และมีการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์คงไม่กระทบต่อธุรกิจประกันมากนัก เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะแบ่งภาพชัดเจนระหว่างการทำประกันชีวิตกับการออม โดยถึงแม้จะมีผลิตภัณฑ์บางตัวที่ใกล้เคียงกันแต่ยังไม่เห็นสัญญาณการไหลออกของเงินจากการทำประกันชีวิตในช่วงนี้
ส่วนการขยายฐานลูกค้าในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับช่องทางหลักทั้งในส่วนของ การจำหน่ายผ่านธนาคาร และตัวแทนจำหน่าย ซึ่งถึงแม้ที่ผ่านมาการจำหน่ายผ่านธนาคารฯจะเป็นช่องทางที่สะดวกและขยายตัวอย่างมากก็ตาม โดยบริษัทเชื่อว่าช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนยังเป็นฐานหลักที่จะเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มที่แตกต่างกันออกไป และในปีนี้ยังเตรียมที่จะขยายจำนวนตัวแทนจำหน่ายจาก 2 หมื่นคนให้ได้ถึง 3 หมื่นคนอีกด้วย
"เราให้น้ำหนักทั้งสองด้านแม้ที่ผ่านมาแบงก์โตขึ้นมากก็จริงแต่ลูกค้าจะเป็นในระดับกลางถึงบน แต่ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายจะเป็นแมสมากกว่า อีกทั้งสินค้าที่ขายก็ต่างกัน แบงก์จะขายสินค้าและกรมธรรม์ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ส่วนตัวแทนจะสามารถขายกรมธรรม์ที่ซับซ้อนกว่า อย่างยูนิตลิงค์ หรือยูนิเวิล์ดแซลไลฟ์ ได้ดีกว่า"นายสาระกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัวแทนบริษัทยังตั้งเป้าที่จะพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของตัวแทนจำหน่ายทุกคน เพื่อให้สามารถเข้าถึงทุกผลิตภัณฑ์และสามารถเป็นที่ปรึกษาทางการประกันชีวิตได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายในส่วนของช่องทางนี้ให้ได้ประมาณ 30% ต่อปีอีกด้วย
นายสาระ กล่าวอีกว่า นอกจากช่องทางหลักทั้ง 2 ช่องทางแล้ว บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางอื่นด้วย โดยในส่วนของการขายผ่านช่องทางออนไลน์นั้นคาดว่าจะขยายตัว แต่พฤติกรรมของคนไทยมักจะใช้ช่องทางนี้ในการหาข้อมูลมากกว่าจะทำการซื้อกรมธรรม์ แต่บริษัทเองยังคงจะพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการอำนวยความสะดวกด้านข้อมูล และให้บริการลูกค้า
ด้าน นายบินายัค ดัตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่า “ปี 2553 นับว่าเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP) ได้ถึง 1,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 58% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ที่เติบโตขึ้นร่วม 200% ในขณะที่ช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอับดับ 2 ก็ยังคงเป็นช่องทางที่พรูเด็นเชียลมีความเชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทฯ มีนโยบายเชิงรุกสำหรับช่องทางขายผ่านตัวแทน ทั้งด้านการสรรหาตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นให้ได้สองเท่า และเน้นให้ตัวแทนมีผลงานสม่ำเสมอ ซึ่งในทุกช่องทางจะเน้นการเติบโตอย่างรอบคอบและมั่นคง บนพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากเงินกองทุนสำรองที่บริษัทฯ ได้ดำรงไว้ถึง 691 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าจำนวนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายถึง 490% (ณ วันที่ 30 กันยายน 2553)”