เพียงไม่กี่เดือน รายการครัวอินดี้โฉมใหม่ก็เป็นที่รู้จัก และถูกพูดถึงในรูปแบบรายการที่ทันสมัย และมีความวาไรตี้มากขึ้น โดยเฉพาะ 2 เชฟหน้าใหม่ อย่าง "เชฟฟาง ณัฐพงศ์" ที่มาสอนการทำอาหารคาว และ "เชฟฝ้ายฟู-ฝ้ายฟู ภัทรานวัช” สาวผมสั้น หน้าตาน่ารัก ชื่อน่ากิ๊น...น่ากิน สอนการทำขนมหวานด้วยท่าทางคล่องแคล่ว M-Open จึงไม่พลาดที่จะทำความรู้จักกับตัวตนของเชฟสาวอินดี้สไตล์เปรี้ยวหวาน กับ 2 สิ่งที่เธอรักสุดๆ นั่นคือการทำขนม และการเล่นดนตรี เห็นเธอเป็นสาวร่างเล็ก แลดูบอบบางแบบนี้ แต่เรื่องของความตั้งใจจริง และความมุ่งมั่นในการทำอาหาร รับรองว่าไม่แพ้เชฟหนุ่มๆ อย่างแน่นอน
เคยเป็นสาวเภสัชฯ
ก่อนที่จะหันมาเอาดีทางด้านการทำขนมหวาน เธอเคยเรียนคณะเภสัชฯ อยู่หนึ่งเทอม พอพบว่าไม่ใช่แนวทางที่อยากเรียน จึงตัดสินใจสอบเอนทรานซ์ใหม่ เข้าคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พอจบออกมาก็ทำงานตามสายที่เรียนมาอยู่ 6 เดือน หลังจากนั้นจึงกลับมาเรียนสิ่งที่เธอรักและอยากเรียนมาตลอดคือการทำขนมที่ Le Cordon Bleu Dusit Culinary School, Diploma of Pasty
“ตอน ม.ปลายเราก็ยังไม่รู้หรอกว่าเราชอบคณะอะไร รู้แต่ว่าชอบเรียนเลข แล้วก็วิทยาศาสตร์ ตอนแรกจะสอบเข้าคณะเศรษฐศาสตร์ แต่ว่าสอบไม่ได้ ก็เลยไปเข้าคณะเภสัชฯ ที่ม. รังสิต เพราะคิดว่าไหนๆ เราก็ชอบเรียนเลขมา ชอบชีวะ แต่พอเรียนไปเทอมหนึ่ง ก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว รู้สึกว่าชีวิตเราไม่ต้องการที่จะทำงานนั่งโต๊ะทำงาน หรือทำอะไรที่มันอยู่กับที่ ก็เลยตัดสินใจเอนทรานซ์ใหม่ คราวนี้ตั้งใจว่าต้องสอบติดให้ได้ บวกกับคะแนนของเราน่าจะได้คณะวารสารฯ ก็เลยสอบติดที่ ม. ธรรมศาสตร์ เลือกเอกภาพยนตร์และภาพถ่าย พอได้มาเรียนคณะนี้ก็ชอบ
จริงๆ ฝ้ายอยากเรียนทำขนมตั้งแต่ตอนจบ ม. 6 แต่แม่บอกว่าไม่ให้เรียน อยากให้เรียนปริญญาตรีก่อน แต่ถ้าจะให้ไปเรียนการโรงแรม เราก็ไม่ได้ชอบตรงนั้น เราต้องการแค่ทำอาหารในครัวอย่างเดียว บังเอิญ Le Cordon Bleu มาเปิดในไทยได้ประมาณ 1-2 ปี พอเราได้โอกาสก็ตัดสินใจเรียนทำอาหารเลย ฝ้ายเลือกเรียนทำขนมอบทุกขั้น เรียนทุกอย่างที่เป็นของหวาน”
งานพิธีกร ประสบการณ์
พอเธอเรียนจบด้านการทำขนม ประจวบกับช่วงที่กำลังหางานอยู่ และทราบข่าวว่าทาง "รายการครัวอินดี้" กำลังเฟ้นหาเชฟหน้าใหม่เพื่อมาทำงานเป็นพิธีกรอยู่พอดี เธอจึงลองมาสมัคร และได้รับเลือกในที่สุด
“ตอนแรกที่ทราบว่าทางรายการครัวอินดี้มีการคัดเลือกเชฟ เพื่อที่จะเข้ามาทำงานเป็นพิธีกร ตอนนั้นเราก็เพิ่งเรียนจบด้านการทำอาหาร แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเข้ามาทำ เพราะคิดว่าเราคงไม่ได้หรอก คิดว่ายาก แล้วก็คนเยอะ แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้ทำอะไร ก็เลยเข้ามาลองแคสติ้งดู ตอนแรกกะว่าจะเลือกเมนูที่มันดูยากๆ เยอะๆ แต่สุดท้ายก็เลือกทำอะไรที่มันง่ายๆ แล้วกัน ฝ้ายก็ทำคุกกี้ ใส่ธัญพืช คอนเฟล็ก มะม่วงหิมพานต์ คือตอนนั้นเราคิดว่าอยากกินอะไรก็ใส่เข้าไป ก็ปรากฏว่าเราก็ได้รับเลือก"
เมื่องานพิธีกรได้มาอย่างไม่คาดฝัน แน่นอนว่าช่วงแรกๆ ต้องมีติดขัดอยู่บ้าง แต่เธอก็เรียนรู้ และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะตรงกับสายอาชีพที่เคยเรียนมา และด้วยบุคลิกน่ารักสดใสของเธอ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนและพัฒนาข้อดี ข้อด้อยของตัวเอง ก็ทำให้เธอเป็นพิธีกร และเชฟสาวที่ทำให้คนดูหลงรักได้ไม่ยาก
“ฝ้ายไม่เคยมีประสบการณ์ด้านงานพิธีกรมาก่อน แรกๆ ก็เอ๋อๆ เวลามีแขกรับเชิญมา หรือคุยอะไร เราก็ยังรับส่งไม่ค่อยเป็น ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นนิดหน่อย (ยิ้มหวาน) พออยู่หน้ากล้องมันก็เกร็งเหมือนกันนะ คือทุกคนมองเรา ฝ้ายก็จะพยายามจินตนาการว่าเราเป็นเพื่อนซี้เขา คนที่เคยดูแรกๆ จะรู้ว่า เราพูดเป็นโมโนโทน พูดเสียงเบา พูดไม่รู้เรื่อง แต่ว่าเราก็ต้องปรับ ต้องให้ความบันเทิงหน่อย ต้องฝึกพูดมาก่อน เวลาอยู่ที่บ้านก็จะฝึกพูด ให้สั้น กระชับ เข้าใจง่าย”
ครีเอตเมนูด้วยตัวเอง
เมนูขนมหวานหลากหลาย หน้าตาน่ากินที่เห็นกันในรายการ ส่วนใหญ่สาวฝ้ายบอกว่าต้องคิดเมนูเอง โดยศึกษาหาข้อมูลทั้งจากในอินเทอร์เน็ต ประกอบกับความรู้การทำขนมพื้นฐานที่เรียนมา นำมาประยุกต์เป็นสูตรที่ทำเองง่ายๆ และมีสไตล์ของเธอเอง
“ทางรายการก็จะมีโจทย์มาให้ เราก็กลับไปคิดว่าจะครีเอตเมนูอย่างไรบ้าง จริงๆ ตอนคิดมันไม่ยากนะ แต่มันยากตรงที่มันมีเยอะมากจนไม่รู้จะเอาอะไร ฝ้ายก็จะดูความง่ายก่อนเป็นหลัก บางทีก็เข้าไปอ่านในเฟซบุ๊กครัวอินดี้บ้าง เพราะว่าจะมีแฟนรายการ เข้ามาโพสต์ว่าอยากให้สอนอะไร
อินเทอร์เน็ต มีทุกอย่างให้เรียนรู้ บางอย่างเราไม่เคยทำก็เข้าไปศึกษาก่อน มันจะมีรีวิวของคนที่เคยทำมาแล้ว เราจะรู้ว่ามีข้อผิดพลาด หรือข้อควรระวังอย่างไร เราอ่านปุ๊บ เรามาลองทำ มาปรับเปลี่ยนแก้ไข มันทำให้ดีขึ้นมากเลย แต่ถ้าเรารู้หลักขั้นพื้นฐานของการทำเบเกอรีมันช่วยได้เยอะเลย ทำตอนแรกอย่าไปคาดหวังว่าจะดีเลิศ ลองทำไปเถอะ ผิดเป็นครู จำไว้ ลองทำใหม่ เปลี่ยนสูตร ชิมได้เราก็ชิม แต่การทำขนมบางอย่างเราไม่รู้จนกระทั่งอบเสร็จ แก้ยาก ก็ต้องเริ่มใหม่ ไม่เหมือนของคาวที่ทำไปชิมไปได้”
ลุยงานเชฟ
แม้ว่างานหลักของเธอคือการเป็นเชฟ และพิธีกรที่รายการครัวอินดี้ แต่ถ้ามีเวลาว่างเมื่อใด เธอมักจะหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำขนมเสมอ ถึงขนาดเคยขอเข้าฝึกงานในร้านอาหารชื่อดังด้วยตนเองมาแล้ว เพื่ออยากลองหาประสบการณ์และเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ
“อยากแนะนำน้องๆ ว่าถ้าอยากฝึกงานที่ไหนก็ลองเข้าไปขอเขา อย่าไปกลัว อย่างฝ้าย ถ้าอยากฝึกงานร้านไหนจะเข้าไปขอคุยกับเชฟ คุยกับเจ้าของร้าน เราคิดว่าอยากลองเข้าไปดูว่าครัวของร้านนี้เป็นยังไง อยากเข้าไปเรียนรู้อะไรก็ได้ที่เรายังไม่เคยเรียน ดูเทคนิค ดูกระบวนการของร้านอาหาร ฝ้ายจะดูแล้วแต่โอกาส บางทีเพื่อนชวนไปก็มี หรือดูจากร้านอาหาร ชื่อเสียง รสชาติของอาหาร เราคิดว่ามันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว เราต้องได้อะไรกลับมาอยู่แล้ว อาจจะมากน้อยก็แล้วแต่ร้าน”
เห็นงานในครัวส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายทำมากกว่าผู้หญิง หรือเชฟดังๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชาย พอถามถึงเรื่องนี้สาวฝ้ายยอมรับว่าสำหรับผู้หญิง งานในครัวถือว่าเป็นงานที่หนักเหมือนกัน เพราะต้องยืนตลอด และกรรมวิธีขั้นตอนการทำอาหารก็ต้องใช้แรงในการทำส่วนผสม ซึ่งผู้หญิงอาจจะไม่มีความอดทนมากพอ
“งานในครัวเป็นงานที่หนักเหมือนกัน ยืนตลอด เหนื่อย เรื่องกำลังผู้หญิงอาจจะสู้ผู้ชายไม่ได้ ความกดดันในครัวก็ค่อนข้างเยอะ เพราะส่วนมากงานในครัวก็จะมีแต่ผู้ชายอยู่แล้ว สำหรับฝ้ายมองว่าเวลาทำอาหารมันเหนื่อยอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำ ทุกอย่างมันต้องทำมือ แต่ถ้าเราตั้งใจว่าเราทำได้ มันทำได้จริงๆ ทำบ่อยๆ มันก็ชินเอง ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพียงแต่ว่าร่างกายของเราอาจจะไม่ได้กล้ามใหญ่เหมือนผู้ชาย แต่ถ้าเรา ขยันกับอดทน มันสามารถทำได้อยู่แล้ว”
เปรี้ยว-หวาน สไตล์ฝ้ายฟู
ดูเธอมีประกายในแววตาตลอดเวลาพูดเรื่องขนม หรือเวลาเธอทำขนมอยู่หน้ากล้อง ก็มักจะเห็นรอยยิ้มของเธอตลอด เพราะความรักในการทำขนม และตั้งใจทำจริงๆ อาจจะมีเหนื่อยบ้าง แต่ขนมหวาน กลิ่นหอมๆ ก็ทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ
“เมนูโปรดของฝ้ายคือเค้ก ชอบที่เป็นครีมหรือมูส รสเปรี้ยวๆ หวานๆ อย่างเสาวรส หรือมะนาว ฝ้ายรู้สึกว่าเวลากินขนมหวานหลังอาหารมื้อหลักแล้วมันอร่อยมากเลย เหมือนขนมหวานมันเติมเต็มอาหารคาวน่ะค่ะ ยิ่งเวลาได้กินขนม ได้น้ำตาล อย่างช็อกโกแลตมันทำให้คนอารมณ์ดีได้อยู่แล้ว หรือไอศกรีมกินแล้วชื่นใจ
ส่วนเมนูที่อยากทำให้คนพิเศษ ฝ้ายอยากทำขนมไซส์เล็ก แต่ก่อนอื่นต้องไปสืบก่อนว่าเขาชอบกินอะไร รสชาติอย่างไร แล้วมาทำมากกว่า เพราะการจะทำอะไรให้ใครสักคนหนึ่ง ต้องรู้ก่อนว่าเขาชอบอะไรเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้เป็นสุดยอดของเขา คงทำเป็นเค้กชิ้นเล็กๆ แล้วกินด้วยกัน น่ารักๆ”
หากเปรียบตัวเธอเป็นขนมหวาน สาวฝ้ายขอเลือกเป็นมูส รสชาติเปรี้ยวๆ หวาน ที่มีส่วนผสมลงตัวระหว่างเสาวรส และช็อกโกแลต “เราชอบช็อกโกแลตอยู่แล้ว ลองมาจับคู่เสาวรส เปรียบกับตัวเราที่มีความเปรี้ยว มีความหวาน แล้วยิ่งผสมส่วนผสมมันก็เพิ่มความหอม ใครอยู่ใกล้แล้วก็มีความสุข อยู่ใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นหอม (หัวเราะ)”
สำหรับคนที่อยากกินขนมแล้วกลัวอ้วน สาวฝ้ายก็มีวิธี เคล็ดลับในการกินมาฝาก “ไม่อยากให้กินเค้กเพื่อไดเอต หรือเพื่อสุขภาพ อยากจะบอกว่าเค้กที่ไม่มีไขมัน หรือไม่มีคอเลสเตอรอลเนี่ย ไม่กินนะคะ มันไม่มัน ยิ่งเค้กครีมๆ มันๆ ยิ่งอร่อย แต่ถ้าเรากินเค้กแล้วกินอย่างอื่นในสัดส่วนที่ดี อย่างกินเค้กก้อนหนึ่ง ต้องกินผักเท่านี้นะ มันก็ไม่อ้วนหรอก แต่ถ้ากินเค้กอย่างเดียว อ้วนแน่นอน”
รักดนตรีและเสียงเพลง
นอกจากเรื่องของขนมแล้ว เธอยังสนใจเรื่องดนตรีมาตลอด และสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นดนตรีไทย หรือสากล “เครื่องดนตรีชิ้นแรกก็หนีไม่พ้นขลุ่ย เพราะโรงเรียนมีสอนอยู่แล้ว ต่อมาก็เป็นซอด้วง แล้วก็เรียนขิม เรียนเปียโน คือตอนเด็กเราก็เรียนตามที่แม่บอก แม่อาจจะอยากให้เป็นกุลสตรีไทย นั่งพับเพียบเล่นขิม แต่พอถึงจุดหนึ่งที่เราสามารถตัดสินใจอะไรได้เองแล้ว เราก็ไปสมัครเรียนเอง ก็เลือกเรียนเบส เรียนกลอง
ตอนเด็กอาจจะดูเหมือนเป็นเด็กเรียบร้อย เพราะว่าคุณแม่จะพยายามให้เราอยู่ในกรอบ เรียนเสร็จกลับบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปเจอโลกกว้างเท่าไหร่ พอโตขึ้นเราก็ได้รู้อะไรมากขึ้น รู้ว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร เราสามารถเลือกได้หลายอย่าง มีอิสระมากขึ้น
เวลาทำขนมส่วนมากเปิดวิทยุ ชอบฟังคลื่น 95.5 FM. ชอบฟังเขาคุยกัน เพลินดี ตลก การเปิดวิทยุไปด้วยก็ช่วยเติมเต็มให้ทำขนมอย่างมีความสุขขึ้น ได้ความใจเย็นด้วย เหมือนมีเพื่อนอยู่กับเรา เพลิน ฟังเพลง ร้องเพลงไปด้วย”
สุดท้ายเชฟสาวเล่าถึงฝันว่าอยากมีร้านเบเกอรีเป็นของตัวเอง โดยจะตั้งชื่อว่า "ร้านฝ้ายฟู" “อยากมีร้านเบเกอรีเป็นของตัวเอง เพราะเราเป็นคนชอบทำ พอทำแล้วก็ต้องอยากให้มีคนมากิน อยากเปิดร้านเบเกอรีที่มีของคาวด้วยควบคู่กัน”
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี