“นก-สินจัย เปล่งพานิช, ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม, ม.ร.ว.แมงมุม-ศรีคำรุ้ง ยุคล, เชฟอิ๊ก-บรรณ บริบูรณ์ และเมย์ กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ เจ้าของร้านอาหารชื่อดังอาฟเตอร์ยู ฯลฯ” หากรายชื่อลูกค้าขาประจำเหล่านี้ยังดึงดูดให้คุณหันมาสนใจร้านขนมโฮมเมดร้านนี้ได้ไม่มากพอ M-Lite ขออนุญาตส่งความอร่อยผ่านอีกหลายย่อหน้าต่อจากนี้ เพื่อเชื้อเชิญคุณมาชิม “คัพเค้ก” จากฝีมือการปรุงรสของหญิงสาวที่หลายๆ คนขนานนามให้เธอเป็น “Cupcake Girl” แห่งประเทศไทย
ลองเปิดเฟซบุ๊กแล้วเสิร์ชคำว่า “Made by Jelly Jan” ดู จะพบว่าสังคมออนไลน์ที่หลายคนใช้ลงภาพถ่ายส่วนตัวหรือบอกเล่าความคิดความอ่านของตัวเอง ได้กลายเป็นพื้นที่ส่งต่อความอร่อยไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่มาทั้งหมดเกิดขึ้นจากความหลงใหลในขนมสัญชาติอเมริกาเป็นส่วนตัวของ “แจน-นวณัฐ ศรียุกต์สิริ” ทำให้เธอหันมาเปิดร้านขาย “คัพเค้ก” บนหน้าเฟซบุ๊กอย่างจริงจัง กระทั่งคอขนมหวานหลงเข้าไปติดกับดักและสมัครเป็นลูกค้าขาประจำมาหลายต่อหลายรายแล้ว
กับดักที่ว่านั้นไม่ใช่เครื่องมือกลไกหรือยาเสน่ห์ใดๆ แต่คือเคล็ดลับความอร่อยจากหลักสูตรสากลที่ได้ร่ำเรียนมาบวกกับความเอาใจใส่ในรายละเอียดของเธอ “จบคอร์สทำขนมมาจาก Le Cordon Bleu ที่ลอนดอนค่ะ เสร็จแล้วก็ทำงานอยู่ในครัวของโรงแรมที่นั่น พอดีมีโอกาสได้ไปกินคัพเค้กที่ฮัมมิ่งเบิร์ดร้านหนึ่ง หน้าตาเค้กดูธรรมดามาก แต่พอกินดู รสชาตินี่ทำให้เราหลงรักเลย รู้สึกประทับใจมาก ก็เลยหันมาทดลองทำคัพเค้กเองบ้าง ให้คนนู้นคนนี้ชิม ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก มีคนมาขอให้เราทำให้กิน แจนก็ทำให้เขา พอมีคนสั่งเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยเปิดขายในเฟซบุ๊กเสียเลยค่ะ (ยิ้ม) แต่แรกๆ จะมีคนบ่นว่าหวานเกินไป แจนก็เลยคิดสูตรใหม่ๆ เป็นรสชาติของเราเองขึ้นมา” เจ้าของร้านขนมหวานออนไลน์เล่าที่มาที่ไปให้ฟัง
นักชิมรายไหนที่เคยลิ้มรสคัพเค้กจากที่อื่นแล้ว ถึงกับต้องแลบลิ้นให้แก่รสหวานเกินพอดี คุณแจนยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเค้กของเธอ “ลดความหวานลงจากเดิมประมาณ 5 เท่าเลยค่ะ” รับรองว่าจะได้รสชาติที่ถูกปากคนไทยมากที่สุด จากความพยายามมิกซ์แนวคิดตะวันตกให้เข้ากับความเคยชินของคนไทยด้วยสูตรของเธอเอง
“ตอนแรกๆ แจนก็หัวแข็งเหมือนกันค่ะ คิดว่าเรียนมายังไงก็อยากทำมันออกมาให้เป็นแบบนั้น อยากให้เป็นแบบออริจินัลมากที่สุด แต่พอมีคนบ่นเยอะขึ้นๆ ว่าหวานเกินไป ก็กลับมาคิดว่าควรจะปรับให้ถูกใจลูกค้าดีกว่า จากสูตรเดิม ฝรั่งเขาจะใส่เนื้อเค้กเยอะๆ เพื่อให้มันมีมวลมากๆ เนื้อเค้กจะได้ดูฟูๆ แล้วก็ใส่น้ำตาลมากๆ แต่จากการสังเกตทำให้แจนรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบแบบเนื้อแน่นๆ กินแล้วให้ความรู้สึกว่าหนักเกินกว่าจะเป็นขนม กินได้ชิ้นสองชิ้นก็เลี่ยนแล้ว แจนก็เลยจัดการลดเนื้อเค้กลง แต่เรายังอยากให้เค้กคงความฟูอยู่ ก็เลยต้องให้เวลากับขั้นตอนการตีมากกว่าเดิม พอตีเยอะๆ เค้กก็จะฟูเอง ซึ่งเมืองนอกเขาจะไม่ทำกันแบบนี้” แจนเผยเคล็ดลับบางส่วน
“วานิลลา” และ “บานาน่าช็อกโกแลต” คือรสชาติที่ลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำจัดลำดับเอาไว้ให้แล้วว่าเป็นคัพเค้กยอดนิยมของร้าน เริ่มจากรสวานิลลาก่อน ทั้งชื่อและรสอาจดูธรรมดา แต่แจนเพิ่มความไม่ธรรมดาลงไปด้วยการสอดไส้แยมสตรอเบอรีไว้ภายใน รสหวานซ่อนเปรี้ยวของเนื้อในช่วยให้รสหวานอ่อนๆ ของวานิลลาที่เคลือบไว้ลงตัวกว่าเดิม รวมทั้งเคล็ดลับเล็กๆ คือเหยาะเหล้าลงไปในบัตเตอร์เค้ก ทำให้ได้เนื้อเค้กที่หอมและนุ่มกว่าที่ไหนๆ
ส่วนรสบานาน่าช็อกโกแลตก็ไม่น้อยหน้าใคร แม้จะไม่ได้ใช้ช็อกโกแลตนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่ที่เลือกใช้ก็เป็นของดีจากเมืองไทย และใส่เข้าไปในปริมาณมากพอให้เหล่าคนรักช็อกโกแลตได้ยิ้มแก้มปริ ด้วยความเข้มข้นแบบเต็มปากเต็มคำและเต็มใจให้ของคนทำอย่างแจน
นอกจากรสหวานๆ ที่คอคัพเค้กทั้งหลายต่างเคยชินแล้ว แจนยังผลิตไอเดียใหม่ๆ ออกมาผ่านกรรมวิธีทำขนม จับนู่นผสมนี่จนได้อาหารคาวบนอาหารหวาน ไม่ว่าจะเป็น คัพเค้กรสพิซซ่า, ชุด Breakfast คัพเค้กที่มีทั้งไข่ดาวและเบคอนเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งฟิงเกอร์ฟูดอีกหลากหลายรสชาติจากความคิดเก๋ๆ ของเธอคนนี้
“แจนไม่ชอบทำอะไรเหมือนคนอื่นค่ะ จะชอบนั่งคิดไปเรื่อยๆ อย่างไอเดียใส่อาหารคาวลงไปในคัพเค้ก ก็เริ่มคิดจากอยากได้อาหารอะไรที่คนจะกินได้ง่ายๆ ซึ่งก็มีพิซซ่าที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกับรสชาติกันดีอยู่แล้ว แล้วก็ชุด Breakfast ปกติอาหารเช้าแบบอเมริกันจะเหมาะกับชีวิตที่เร่งรีบอยู่แล้ว แล้วยิ่งเอามาแมทตช์กับคัพเค้กซึ่งมีขนาดเล็ก ยิ่งเหมาะแก่การพกไปกินมากขึ้นไปอีก แจนว่าคัพเค้กยังมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ให้คิดได้ตลอดแหละค่ะ บางครั้งรู้สึกเบื่อเค้กบัตเตอร์ แจนก็เอาเนื้อเค้กมัฟฟิ่นมาใช้แทน ก็อร่อยไปอีกแบบ เราสามารถสร้างวัฒนธรรมการกินขึ้นมาเองได้ค่ะ อย่างฝรั่งเขาจะกินคัพเค้กกับชาหรือกาแฟ แต่เมืองไทยเราร้อน เราก็สามารถกินคัพเค้กกับน้ำเปล่า หรือไม่ก็ดื่มชามะนาวไปด้วยก็ได้ค่ะ รสเปรี้ยวช่วยแก้เลี่ยนได้แถมดื่มน้ำเย็นๆ ยังดับร้อนไปในตัวด้วย” เจ้าของไอเดียเสนอแนะ
หากอยากลองลิ้มรสขนมหวานชิ้นจิ๋วรสชาติตะวันตกกันแล้ว สามารถเข้าไปสั่งซื้อกันได้ในเฟซบุ๊กของแจน เสิร์ชคำว่า “Made by Jelly Jan” จะพบหน้าลิงค์ของเธอ จากนั้นคลิกเข้าไปใน “Info (Basic Information)” จะมีลิงค์นำไปสู่เมนูทั้งหมดของร้าน ซึ่งมีทั้งคัพเค้ก บราวนี่ ชีสเค้ก และขนมหวานอีกหลากหลายรสชาติแล้วแต่จะเลือกชิม ส่วนคนที่ไม่ถนัดเทคโนโลยีอย่าเพิ่งน้อยใจไป อีกไม่เกิน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ คุณแจนจะมีหน้าร้านจริงๆ ให้เหล่าคนรักขนมหวานได้เดินทางไปเลือกซื้อผ่านตู้กระจกและนั่งกินในร้านกันได้ คนที่อยู่ไม่ห่างจากสุขุมวิท 71 เตรียมตัวเป็นขาประจำไว้ได้เลย เพราะเธอเลือกโลเกชั่นความหวานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณภาพจาก "Cupcakes by Jelly Jan" สำนักพิมพ์อมรินทร์
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ร้าน Made By Jelly Jan
ลิ้มรสได้ที่ http://www.facebook.com/madebyjellyjan
หรือโทร.08-6787-5555
กรุณาสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน หรือล่วงหน้า 5 วัน หากต้องการขนมในปริมาณมากหรือจัดแสดงในงานอีเวนต์