เมืองไทยประกันชีวิตรับน้ำท่วมกระทบเล็กน้อย แต่เบี้ยประกันภัยยังโตต่อไตรมาสแรกเบี้ยรวมพุ่ง 8.7 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีเป็นไปตามเป้าเหตุสัดส่วนคนไทยถือกรมธรรม์ยังน้อยอยู่ ล่าสุดจับกระแสสมาร์ทโฟนส่งแอปพลิเคชัน ช่วยพัฒนาฝ่ายขายพร้อมให้บริการหลังการขายเต็มสูบ ขณะเดียวกันออกกรมธรรม์ใหม่เพิ่มหวังตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มเติม
นายสาระ ลำซ่ำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า เหตุภัยธรรมชาติที่ผ่านมาน่าจะส่งผลต่อการเก็บเบี้ยของบริษัทบ้างแต่คงไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทมีความเคยชินกับสถานการณ์น้ำท่วมของประเทศไทยที่เกิดเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว โดยล่าสุดเบี้ยรับรวมของบริษัทยังคงขยายตัวอย่างต่อนเนื่อง ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้เบี้ยรับรวมของบริษัทเติบโตถึง 27% คิดเป็นมูลค่ากว่า 8.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถชำระเบี้ยประกันได้ บริษัทจะยังให้ความคุ้มครองต่อไปอีกประมาณ 90 วัน และหากชำระภายเบี้ยประกันภายใน6เดือน บริษัทจะทำการลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับ 0% ซึ่งนับเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นของบริษัท
"เรื่องน้ำท่วมมันเป็นทุกปีคงจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะคนคงจะเอาเงินไปใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นมากกว่าก่อน แต่เชื่อว่าปีนี้เราคงเติบโตไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมาเราโตถึง 27% ซึ่งมากว่าธุรกิจประกันที่โตเพียง 12% และสัดส่วนคนไทยที่ถือกรมธรรม์ยังน้อยอยู่ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นเชื่อว่าจะมีผลกับลูกค้าที่ชอบยิลด์ ซึ่งสินค้าเรายิลด์ก็จะสูงด้วย แต่ต้องออกแบบด้านความคุ้มครอง และบางทีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยแบบนี้ อายุกรมธรรม์อาจมีผล เพราะลูกค้าอาจชอบอะไรที่เร็วและรอรับผลตอบแทนที่เพิ่ม"นายสาระกล่าว
นอกจากนี้ นายสาระ ยังกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการขยายการให้บริการเพื่อรองรับการเติบโต บริษัทได้นำเทคโนโลยเข้ามาพัฒนาและสนับสนุนการดำเนินงานเพิ่มเติม หลังจากปัจจุบันกระแสความนิยมการพกพา สมาร์ทโฟน หรือ แทปเลต เริ่มแพร่หลายอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดทำ แอปพลิเคชัน สำหรับฝ่ายขายสามารถนำไปส่งเสริมการขาย
ทั้งนี้ ในส่วนของบริการหลังการขาย บริษัทยังได้เร่งพัฒนาการบริการที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยได้มีการพัฒนาโปนแกรมหลังการขาย " iเมืองไทย Smile Service"ที่จะสามารถให้บริการลูกค้า ทั้งในส่วนของการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน การตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ของกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทได้
ขณะที่การออกสินค้าใหม่ บริษัทได้ทำการออกแบบประกันใหม่และโครงการใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยแบบประกันแรกเมืองไทย 8501 ดี 55 และเมืองไทย 8501ดี 60 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ซึ่งเป็นแบบประกันที่เพิ่มความอุ่นใจพร้อมรับความสุขสบายหลังวัยเกษียณที่ชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว แต่มอบความคุ้มครองสูงสุดถึง 40% ของเบี้ยประกันภัยและรับเงินบำนาญปีละ 12% ของเงินเอาประกันภัย
ขณะที่ แบบประกันเมืองไทย สมาร์ท เซฟเวอร์ 3(5/1) แบบประกันออมทรัพย์ที่ชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียวแต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าพร้อมเพิ่มความอุ่นใจด้วยความคุ้มครองชีวิต 5 ปี ด้วยอัตราเบี้ยประกันเท่ากันทุกอายุ ทุกเพศ และไม่ต้องตรวจสุขภาพพร้อมรับเงินคืน 2.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยทุกสิ้นปีกรมธรรม์
นายสาระ ลำซ่ำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า เหตุภัยธรรมชาติที่ผ่านมาน่าจะส่งผลต่อการเก็บเบี้ยของบริษัทบ้างแต่คงไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทมีความเคยชินกับสถานการณ์น้ำท่วมของประเทศไทยที่เกิดเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว โดยล่าสุดเบี้ยรับรวมของบริษัทยังคงขยายตัวอย่างต่อนเนื่อง ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้เบี้ยรับรวมของบริษัทเติบโตถึง 27% คิดเป็นมูลค่ากว่า 8.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถชำระเบี้ยประกันได้ บริษัทจะยังให้ความคุ้มครองต่อไปอีกประมาณ 90 วัน และหากชำระภายเบี้ยประกันภายใน6เดือน บริษัทจะทำการลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับ 0% ซึ่งนับเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นของบริษัท
"เรื่องน้ำท่วมมันเป็นทุกปีคงจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะคนคงจะเอาเงินไปใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นมากกว่าก่อน แต่เชื่อว่าปีนี้เราคงเติบโตไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมาเราโตถึง 27% ซึ่งมากว่าธุรกิจประกันที่โตเพียง 12% และสัดส่วนคนไทยที่ถือกรมธรรม์ยังน้อยอยู่ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นเชื่อว่าจะมีผลกับลูกค้าที่ชอบยิลด์ ซึ่งสินค้าเรายิลด์ก็จะสูงด้วย แต่ต้องออกแบบด้านความคุ้มครอง และบางทีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยแบบนี้ อายุกรมธรรม์อาจมีผล เพราะลูกค้าอาจชอบอะไรที่เร็วและรอรับผลตอบแทนที่เพิ่ม"นายสาระกล่าว
นอกจากนี้ นายสาระ ยังกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการขยายการให้บริการเพื่อรองรับการเติบโต บริษัทได้นำเทคโนโลยเข้ามาพัฒนาและสนับสนุนการดำเนินงานเพิ่มเติม หลังจากปัจจุบันกระแสความนิยมการพกพา สมาร์ทโฟน หรือ แทปเลต เริ่มแพร่หลายอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดทำ แอปพลิเคชัน สำหรับฝ่ายขายสามารถนำไปส่งเสริมการขาย
ทั้งนี้ ในส่วนของบริการหลังการขาย บริษัทยังได้เร่งพัฒนาการบริการที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยได้มีการพัฒนาโปนแกรมหลังการขาย " iเมืองไทย Smile Service"ที่จะสามารถให้บริการลูกค้า ทั้งในส่วนของการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน การตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ของกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทได้
ขณะที่การออกสินค้าใหม่ บริษัทได้ทำการออกแบบประกันใหม่และโครงการใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยแบบประกันแรกเมืองไทย 8501 ดี 55 และเมืองไทย 8501ดี 60 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ซึ่งเป็นแบบประกันที่เพิ่มความอุ่นใจพร้อมรับความสุขสบายหลังวัยเกษียณที่ชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว แต่มอบความคุ้มครองสูงสุดถึง 40% ของเบี้ยประกันภัยและรับเงินบำนาญปีละ 12% ของเงินเอาประกันภัย
ขณะที่ แบบประกันเมืองไทย สมาร์ท เซฟเวอร์ 3(5/1) แบบประกันออมทรัพย์ที่ชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียวแต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าพร้อมเพิ่มความอุ่นใจด้วยความคุ้มครองชีวิต 5 ปี ด้วยอัตราเบี้ยประกันเท่ากันทุกอายุ ทุกเพศ และไม่ต้องตรวจสุขภาพพร้อมรับเงินคืน 2.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยทุกสิ้นปีกรมธรรม์