ASTVผู้จัดการรายวัน- มนรัฐ แย้ม เตรียมเพิ่มช่องทางการขายกองทุนให้หลากหลายขึ้น คาดใช้งบประมาณมากต้องเสนอให้ผู้ถือหุ้นตัดสินใจอีกครั้ง พร้อมตั้งเป้าออกโปรดักส์ใหม่อีก 10-12 กองทุนในปีนี้ ประเดิมส่งกองทุน"วรรณ อะกริคัลเจอร์" ลุย ETFสินค้าเกษตรกรรม เปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย.54 นี้
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานในปี 2554 นี้ บลจ.วรรณ มีแผนที่จะลงทุนโดยเฉพาะในด้านระบบ เพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ของกองทุนที่จะเปิดขายในอนาคต และสร้างความหลากหลายในการลงทุน รวมถึงตอบสนองความต้องการของนักลงทุนด้วย โดยเราตั้งเป้าจะออกกองทุนใหม่ประมาณ 10-12 กองทุน
ทั้งนี้เรามีการปรับตำแหน่งผู้บริหารใหม่โดยแต่งตั้งนางสาว ทิวารัตน์ เตชะมีเกียรติชัย เป็นกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน ซึ่งจะดูแลด้านการลงทุนและสร้างผลตอบแทนการดำเนินงานของกองทุนให้เป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งนายศักดา มาณวพัฒน์ เป็นรองกรรมการผู้จัดการ สายงานการปฎิบัติการ ที่จะรับผิดชอบงานในส่วน Back office เพื่อให้ระบบการปฎิบัติการทันสมัย สามารถรองรับเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาอีกด้วย
นอกจากนี้เราตั้งเป้าว่าภายใน 3-4 ปีข้างหน้าจะดัยยอดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารหรือ AUM อยู่ที่ 100,000 ล้านบาท โดยเราจะขยายช่องทางการขายให้เทียบเท่ากับคู่แข่งที่มีธนาคารเป็นช่องทางการขาย อย่างไรก็ตามการเพิ่มช่องทางการขายนี้ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการขยายช่องทาง ซึ่งทางเราก็เองจะต้องนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นผู้อนุมัติอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันบลจ.วรรณ มี AUM อยู่ที่ 73,250.02 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2553 โดยแบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุน 7,702.46 ล้านบาท กองทุนรวมผสม 1,631.64 ล้านบาท กองทุนรวมตราสารหนี้ 3,991.83 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 21,90.86 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล 29,736.49 ล้านบาท และอื่นๆอีก 8,276.74 ล้านบาท
นายมนรัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ยังถือว่ามีการเติบโตที่ดีที่ระดับ 4-4.5% โดยมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมและการบริโภคการลงทุนภายในประเทศ ดังนั้นแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในปี 2554 ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีโดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมจะเติบโตประมาณ 15-20% นำโดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีและธนาคารพาณิชย์ โดย ณ ระดับปัจจุบัน SET Index ซื้อขายอยู่ที่ระดับ P/E ที่12 เท่า ขณะที่ระดับ P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังนั้นอยู่ที่ 13 เท่า จึงมองว่า SET Index นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถขึ้นไปซื้อขายที่ระดับค่าเฉลี่ย P/E เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไรที่ค่อนข้างสูงเทียบกับในภูมิภาคและปัจจัยทางการเมืองที่มีแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งกระแสเงินทุนจากต่างประเทศไหล
เข้าในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย จากภาวะดอกเบี้ยต่ำในตลาดที่พัฒนาแล้ว จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้ SET Index สามารถให้ผลตอบแทนได้ 15-20% ในปี 2554นี้
อยางไรก็ตามเรามีมุมมองเชิงบวกกับสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทการเกษตรในปีนี้และปีหน้า โดยแนวโน้มของราคายังคงปรับตัวในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มาจากความต้องการในการบริโภคที่มากขึ้นจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีรายได้ต่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการในการบริโภคจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีส่วนผลักดันอุปสงค์ของสินค้าเกษตร โดยประเทศเหล่านี้มีความต้องการในการใช้สินค้าเกษตรบางชนิด เช่น ข้าวโพด น้ำตาล เพื่อนำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน
ในขณะที่สัดส่วนของปริมาณผลผลิตก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศที่แปรปรวน แถบอเมริกาเหนือและใต้ที่คาดว่าจะพบกับความแห้งแล้ง ขณะที่แถบออสเตรเลียมีฝนตกหนักผิดปกติ รวมถึงจีนและรัสเซียที่ประสบปัญหาปแห้งแล้งในปีที่ผ่านมา โดยปราฏการณ์นี้จะยังเกิดขึ้นในปี 2554 และมีโอกาสที่จะรุนแรงกว่าปกติทำให้ปริมาณสต๊อกสินค้าเกษตรกรรมโดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลีลดลง คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปรปลูกทดแทน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าเกษตรจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นและอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัว
ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย.54 บลจ.วรรณ เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ อะกริคัลเจอร์ (ONE-AGRI) ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ RBS MARKET ACCESS RICISM-A INDEX ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก มีนโยบายลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนดัชนี Rogers International Commodity Index-Agriculture ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสินค้าเกษตรกรรม บริหารและจัดการโดย RBS (Luxembourg) S.A. กองทุนนี้มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานในปี 2554 นี้ บลจ.วรรณ มีแผนที่จะลงทุนโดยเฉพาะในด้านระบบ เพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ของกองทุนที่จะเปิดขายในอนาคต และสร้างความหลากหลายในการลงทุน รวมถึงตอบสนองความต้องการของนักลงทุนด้วย โดยเราตั้งเป้าจะออกกองทุนใหม่ประมาณ 10-12 กองทุน
ทั้งนี้เรามีการปรับตำแหน่งผู้บริหารใหม่โดยแต่งตั้งนางสาว ทิวารัตน์ เตชะมีเกียรติชัย เป็นกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน ซึ่งจะดูแลด้านการลงทุนและสร้างผลตอบแทนการดำเนินงานของกองทุนให้เป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งนายศักดา มาณวพัฒน์ เป็นรองกรรมการผู้จัดการ สายงานการปฎิบัติการ ที่จะรับผิดชอบงานในส่วน Back office เพื่อให้ระบบการปฎิบัติการทันสมัย สามารถรองรับเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาอีกด้วย
นอกจากนี้เราตั้งเป้าว่าภายใน 3-4 ปีข้างหน้าจะดัยยอดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารหรือ AUM อยู่ที่ 100,000 ล้านบาท โดยเราจะขยายช่องทางการขายให้เทียบเท่ากับคู่แข่งที่มีธนาคารเป็นช่องทางการขาย อย่างไรก็ตามการเพิ่มช่องทางการขายนี้ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการขยายช่องทาง ซึ่งทางเราก็เองจะต้องนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นผู้อนุมัติอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันบลจ.วรรณ มี AUM อยู่ที่ 73,250.02 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2553 โดยแบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุน 7,702.46 ล้านบาท กองทุนรวมผสม 1,631.64 ล้านบาท กองทุนรวมตราสารหนี้ 3,991.83 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 21,90.86 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล 29,736.49 ล้านบาท และอื่นๆอีก 8,276.74 ล้านบาท
นายมนรัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ยังถือว่ามีการเติบโตที่ดีที่ระดับ 4-4.5% โดยมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมและการบริโภคการลงทุนภายในประเทศ ดังนั้นแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในปี 2554 ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีโดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมจะเติบโตประมาณ 15-20% นำโดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีและธนาคารพาณิชย์ โดย ณ ระดับปัจจุบัน SET Index ซื้อขายอยู่ที่ระดับ P/E ที่12 เท่า ขณะที่ระดับ P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังนั้นอยู่ที่ 13 เท่า จึงมองว่า SET Index นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถขึ้นไปซื้อขายที่ระดับค่าเฉลี่ย P/E เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไรที่ค่อนข้างสูงเทียบกับในภูมิภาคและปัจจัยทางการเมืองที่มีแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งกระแสเงินทุนจากต่างประเทศไหล
เข้าในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย จากภาวะดอกเบี้ยต่ำในตลาดที่พัฒนาแล้ว จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้ SET Index สามารถให้ผลตอบแทนได้ 15-20% ในปี 2554นี้
อยางไรก็ตามเรามีมุมมองเชิงบวกกับสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทการเกษตรในปีนี้และปีหน้า โดยแนวโน้มของราคายังคงปรับตัวในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มาจากความต้องการในการบริโภคที่มากขึ้นจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีรายได้ต่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการในการบริโภคจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีส่วนผลักดันอุปสงค์ของสินค้าเกษตร โดยประเทศเหล่านี้มีความต้องการในการใช้สินค้าเกษตรบางชนิด เช่น ข้าวโพด น้ำตาล เพื่อนำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน
ในขณะที่สัดส่วนของปริมาณผลผลิตก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศที่แปรปรวน แถบอเมริกาเหนือและใต้ที่คาดว่าจะพบกับความแห้งแล้ง ขณะที่แถบออสเตรเลียมีฝนตกหนักผิดปกติ รวมถึงจีนและรัสเซียที่ประสบปัญหาปแห้งแล้งในปีที่ผ่านมา โดยปราฏการณ์นี้จะยังเกิดขึ้นในปี 2554 และมีโอกาสที่จะรุนแรงกว่าปกติทำให้ปริมาณสต๊อกสินค้าเกษตรกรรมโดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลีลดลง คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปรปลูกทดแทน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าเกษตรจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นและอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัว
ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย.54 บลจ.วรรณ เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ อะกริคัลเจอร์ (ONE-AGRI) ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ RBS MARKET ACCESS RICISM-A INDEX ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก มีนโยบายลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนดัชนี Rogers International Commodity Index-Agriculture ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสินค้าเกษตรกรรม บริหารและจัดการโดย RBS (Luxembourg) S.A. กองทุนนี้มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท