รอบรู้เรื่องกองทุนรวม สำหรับมือใหม่หัดเล่น

โดยอัญชลี สบายสุข
anchalee1311@hotmail.com

นักลงทุนมือใหม่ที่กำลังหาช่องทางใหม่ ๆ ในการลงทุนมากกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารที่ปัจจุบันถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะขยับขึ้นบ้างแล้วก็ตาม แต่ผลตอบแทนก็ยังไม่มากนัก และในอนาคตยังมีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะตั้งกรอบการคุ้มครองเงินฝากให้ประชาชนทั่วไปไม่เกินวงเงิน 1 ล้านบาทอีกด้วย ดังนั้นกองทุนรวมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนมือใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนักลงทุนบางรายอาจจะยังไม่เข้าใจรูปแบบของการลงทุนในแต่ละกองทุนว่าเรามีความเหมาะสมกับกองทุนประเภทไหนเพราะกองทุนรวมก็มีหลากหลายรูปแบบและความเสี่ยงที่แตกต่างออกกัน รวมถึงผลตอบแทนที่ได้รับก็ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย...

เกษตร ชัยวันเพ็ญผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ผู้ที่ค่ำหวอดอยู่ในแวดวงกองทุนรวมมายาวนาน บอกว่า เมื่อนักลงทุนรายใหม่ริ่มที่จะสนใจในกองทุนรวมแล้ว เราต้องรู้ว่ากองทุนรวมมีสินค้าอะไรบ้างในตลาดที่เราสามารถเลือกลงทุนได้ และเหมาะสมกับเราทั้งด้านความเสี่ยงและผลตอแทน

โดยประเภทแรกจะเป็นกองทุนรวมตราสารทุน หรือกองทุนรวมที่เอาเงินเราไปลงทุนในหุ้น เหมาะกับนักลงทุนที่กล้าได้กล้าเสีย ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะนำเงินไปซื้อหุ้นให้และดูแลพอร์ตการลงทุนให้แก่เรา

ประเภทที่ 2 กองทุนรวมตราสารหนี้ มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ภาคเอกชน ความเสี่ยงจะต่ำกว่ากองทุนประเภทแรกแต่ถามว่ายังมีความเสี่ยงอยู่มั้ยก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เราก็ต้องดูว่านโยบายอันไหนที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของเราให้มากที่สุด

ประเภทที่ 3 กองทุนรวมแบบผสม หรือเรียกว่ากองทุนรวมมิกฟันด์ ก็คือเป็นรวมระหว่างกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกับกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งก็แยกออกไปอีกว่าผสมในสัดส่วนเท่าใด บางกองทุนอาจจะผสมในสัดส่วน 50 : 50 หรืออาจจะ 70:30 หรือ 60:40 ซึ่งเราก็ต้องเลือกดูอีกว่าเราจะเหมาะกับการลงทุนประเภทใดที่ลงน้ำหนักที่เราสามารถรับได้

ประเภทที่ 4 กองทุนรวมมีประกัน หรือ การันตีฟันด์ กองทุนประเภทนี้ไม่ค่อยมีในตลาด เนื่องจากว่ามันต้องหาคนมาเป็นผู้ค้ำประกัน การลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นการค้ำประกันจึงเป็นภาระกับผู้ที่ค้ำประกัน เพราะถ้าเกิดเสียหายเกิดขึ้นเขาต้องนำเงินของตัวเองมาจ่าย ดังนั้นกองทุนประเภทนี้จะมีน้อยในตลาด และการตั้งกองทุนแต่ละครั้งมูลค่าจะไม่สูงมากนัก และอัตราผลตอบแทนก็จะไม่ค่อยสูง เพราะคนที่จะมาค้ำประกันเขาก็กลัวเหมือนกัน

ประเภทที่ 5 กองทุนรวมดัชนีเป็นกองทุนรวมอีกประเภทหนึ่ง เป็นการลงทุนตามสิ่งที่กำหนดขึ้นมาเช่น ถ้าใครสนใจลงทุนใน**หุ้นSET 50 **เป็นการที่นำเงินของกองทุนไปลงทุนในหุ้น 50 ตัวแรก โดยน้ำหนักมูลค่าของหุ้นในตลาดฯ กองทุนนี้ผู้จัดการกองทุนไม่ต้องคิดเลย ถ้าหุ้น 50 ตัวนี้ในตลาดฯ ขึ้นกองทุนนี้จะขึ้นตาม ถ้า 50 ตัวนี้ลงกองทุนนี้จะลงตามอันนี้เรียกว่ากองทุนดัชนี

ประเภทที่ 6 กองทุนรวมที่ตอนนี้ออกสู่ตลาดเยอะมาก และน่าสนใจเป็นที่จับตาของนักลงทุนนั้นคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ซึ่งถ้าหลายๆ คนชอบไปเดินห้างเซ็นทรัล และอยากเป็นเจ้าของ บลจ. ก็มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดย บลจ. ก็จะนำตึกตรงนั้นมาเข้ากองทุนรวม และเราเป็นผู้ถือหน่วยก็เสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของ ๆ ทรัพย์สินตัวนั้น และ บลจ. ก็จะบอกว่าการดำเนินงานตรงนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนเป็นลักษณะอย่างไร หรืออยากเป็นเจ้าของสนามบินสมุยก็สามารถทำได้ เพราะ บลจ. ก็มีกองทุนรวมสนามบินสมุย ท่านก็สามารถที่จะเข้าไปซื้อกองทุนรวมตรงนั้น เวลาผลประกอบการดี เขาก็จะปันผลมาเป็นรายรับจากการลงทุน โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มที่จะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนปัจจุบันจะเป็นห้างสรรพสินค้า สนามบิน โกดัง คลังเก็บสินค้า โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ เป็นต้น

ประเภทที่7 กองทุนรวมต่างประเทศหรือ FIF เป็นกองทุนรวมที่นำเงินมารวมกันและนำเงินไปลงทุนต่อในต่างประเทศ มีทั้งหุ้นในต่างประเทศ ตราสารหนี้ในต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมที่เข้าไปลงทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีก็ถือว่าเป็นกองทุนรวมต่างประเทศ ส่วนการลงทุนในหุ้น สมมุติถ้าเราไปลงทุนในประเทศจีนมันก็จะมีมีทั้งการลทุนแบบเอชแชร์ และไอแชร์ คือมีกองทุนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นที่ฮั้งเส่ง หรือกองทุนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นจีนโดยตรงเลยก็มี เพราะถ้าเราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนดีเราอยากที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นของจีนเราสามารถเข้าไปลงทุนได้

“เราอยู่ที่ประเทศไทยไม่ต้องเดินทางไปลงทุนถึงประเทศจีน ผู้จัดการกองทุนก็จะนำเงินที่เรานำมารวมกัน ไปลงทุนซื้อกองทุนในต่างประเทศให้ นี่คือลักษณะของการลงทุนในต่างประเทศที่เรียกว่าFIF สิ่งสำคัญของFIFที่จะต้องดูคือ เฮดหรือไม่เฮด เพราะหลายครั้งเราเห็นว่าเศรษฐกิจจีนมันก็ดี หุ้นจีนก็ขึ้นตลอดทำไมกองทุนที่เราลงทุนในจีนมันถึงขาดทุนกำไรจากการลงทุนทุนแตกต่างจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นเวลาที่เลือกลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ สิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาเลยคือเขาเฮดค่าเงินมั้ย การเฮดค่าเงินนี้คือการประกันเงินคือตอนที่เราซื้อกี่บาทต่อดอลลาร์ฯตอนขากลับมันเป็นมูลค่าเท่านี้นะไม่ใช่มันลดลง” เกษตร บอก
ประเภทที่ 8 กองทุนรวมที่เข้าไปลงทุนในกองทุนรวม เรียกว่า ฟันด์ออฟฟันด์ ยกตัวอย่างเช่น บลจ.ABC ตั้งกองทุนรวมขึ้นมา เสร็จแล้วในกองทุนนี้เขาก็จะไปซื้อกองทุนรวมในหลาย ๆ แห่งที่เป็นประภทเดียวกัน สมมุติเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในหลาย ๆ บลจ. ถ้าเราไปซื้อกองทุนรวมของ บลจ. ABC ที่มีกองทุนรวมฟันด์ออฟฟันด์เราก็อาจจะเป็นเจ้าของในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในหลาย ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น

“ที่เราเห็นได้ชัดก็จะมีบลจ. แห่งหนึ่งเข้าไปซื้อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.อื่น ข้อจำกัดคือถ้าใครตั้งไม่สามารถซื้อของตัวเองได้ สมมุติว่าบลจ.หนึ่งตั้งกองทุนรวมฟันด์ออฟฟันด์ขึ้นมา แล้วมาซื้อของตัวเองไม่ได้นะคุณจะต้องไปหาคนอื่นในตลาดมาซื้อ”

ถัดมาประเภทที่ 9 กองทุนรวมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ณ ปัจจุบันคือ กองทุนรวมตลาดเงิน หรือมันนี่มาเก็ต มันจะทดแทนพวกการฝากออมทรัพย์ เพราะปัจจุบันฝากออมทรัพย์ได้ประมาณ 0.5% แต่ถามว่าควรมีไว้มั้ยควรมีแต่ควรมีไว้ไม่เยอะ เขาบอกไว้ว่าเงินออมเราควรมีไว้สักประมาณ 3 -6 เดือนก็พอแต่ไม่ควรกองไว้ในออมทรัพย์ แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ออมไว้ในออมทรัพย์ จริง ๆ

ทั้งนี้ถามว่า 3 - 6 เดือนควรเปลี่ยนมาเป็นมันนี่มาเก็ตฟันด์ ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลไม่เสี่ยงเพราะถ้ารัฐบาลไม่จ่ายเงินเราก็อยู่ในประเทศนี้ไม่ได้แล้ว ประเทศไม่เคยเกิดกรณีที่รัฐบาลชักดาบ และตามทฤษฎีตำราไฟแนนซ์ พันธบัตรรัฐบาลความเสี่ยงเท่ากับศูนย์ ดังนั้นมันนี่มาเก็ตส่วนใหญ่จะเอาเงินร้อยเปอร์เซ็นต์ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่อายุสั้น ๆ และให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก ส่วนข้อเสียของกองทุนรวมมันนี่มาร์เก็ตจะถอนเงินได้ T+1คือวันรุ่งขึ้นถัดมา 1 วัน เท่านั้น

ประเภทที่ 10 กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น กองทุนประเภทนี้ก็ไม่ค่อยมีในตลาดอีกเหมือนกับกองทุนรวมมีประกัน เพราะการลงทุนบางครั้งย่อมมีความเสี่ยงเงินต้นอาจจะต้องหายไปบ้าง

ประเภทที่ 11 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนรวมRMF เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ยังไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มารองรับ หรือมีสวัสดิการดังกล่าว แต่ยังมีกำลังออมเพิ่มมากกว่านั้นได้อีก และต้องลงทุนเป็นระยะเวลานานถึง 5 ปีไม่ใช้การลงทุนในระยะสั้น ซึ่งกองทุนประเภทนี้ส่วนใหญ่กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เช่นพันธบัตร กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงปานกลาง

สุดท้ายประเภทที่ 12 กองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่อาจไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาจึงลงทุนผ่านกองทุนรวม ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน และเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาในการลงทุนได้ โดยกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนแบบเดียว คือ ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยอาจเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 หุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม หรือลงทุนในหุ้น และต้องลงทุนเป็นระยะเวลาถึง 5 ปีด้วยเช่นกัน