"เน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลัก โดยลงทุนผ่านสิทธิทางภาษีทั้งหมดทุกอย่างที่รัฐบาลสามารถให้ลงทุนได้ โดยหลัก ๆ ผมจะลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF - RMF รวมถึงประกันชีวิตก็มีเข้าไปลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนของผมจากที่ผมเล่าไป 3 - 4 อย่าง คือผมวางแผนระยะยาวไว้ก่อน ฉะนั้น 15% ที่รัฐบาลให้ลงทุนผมก็ลงทุนเต็มที่ เพราะมันจะสร้างความมั่นใจได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผมเกษียณผมจะมีเงินก้อน"
ช่องทางสำหรับการออมระยะยาวเพื่อชีวิตหลังเกษียณอายุมีหลายช่องทาง โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบกองทุน ซึ่งประกอบด้วยกองทุนที่เป็นการออมภาคบังคับ และกองทุนที่เป็นการออมโดยสมัครใจ ซึ่งผู้ออมที่ออมผ่านกองทุนทั้งที่เป็นการออมภาคบังคับและเป็นการออมโดยสมัครใจต่างได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีในหลายด้านเช่น ภาษีเงินได้จากเงินออม โดยเงินออมในแต่ละปีได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี ภาษีเงินได้จากผลตอบแทนจากเงินลงทุน โดยผลตอบแทนที่ได้รับจากเงินออมที่อยู่ในกองทุนได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการลงทุนระยะยาว
เช่นเดียวกับ “ดร. เมธี จันทวิมล” หรือเรียกแบบเป็นกันเองว่า “คุณเม”ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบลงทุนระยะยาวแบบผ่านกองทุนรวม เพราะได้เล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับตอนช่วงเกษียณอายุนั้นเอง
“คุณเม” เริ่มบอกว่า มุมมองการลงทุนส่วนตัวของผมจะเน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลัก โดยลงทุนผ่านสิทธิทางภาษีทั้งหมดทุกอย่างที่รัฐบาลสามารถให้ลงทุนได้ โดยหลัก ๆ ผมจะลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF - RMF รวมถึงประกันชีวิตก็มีเข้าไปลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนของผมจากที่ผมเล่าไป 3 - 4 อย่าง คือผมวางแผนระยะยาวไว้ก่อน ฉะนั้น 15% ที่รัฐบาลให้ลงทุนผมก็ลงทุนเต็มที่ เพราะมันจะสร้างความมั่นใจได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผมเกษียณผมจะมีเงินก้อน ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวม LTF จะมีความผันผวนจากตลาดหุ้น แต่ถ้ามองการลงทุนระยะยาวแล้วยังไงก็ตามยังมีแคปปิตอลเกนอยู่ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนกองทุนรวม RMF ก็ถือ 55% ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรต่อการลงทุน
"อีกจุดหนึ่งที่ผมทำคือ ต้องเรียกว่าเป็นหลักเลยคือผลตอบแทนจากภาษีทุก ๆ ปีที่ลงทุนไป ทั้งกองทุนรวม LTF - RMF รวมถึงประกันชีวิต ทั้งหมดรวม ๆ ถ้าตีง่าย ๆ ก็ประมาณสัก 7 แสนบาท หารภาษีอยู่ที่ 30% ผลจะมีผลตอบแทนจากการหักภาษีอยู่ประมาณที่ 2 แสนกว่าบาท ซึ่งผมก็จะนำเงิน 2 แสนกว่าบาทนี้ เป็นต้นทุนในการลงทุนของทุกปีของผม เป็นเงินต้นทุนใหม่ลงทุนในพอร์ตหุ้น เพราะผมถือว่าเงินก้อนนี้เป็นกำไรอยู่แล้ว ผมจะนำกำไรมาลงทุนในแต่ละปี ดังนั้นพอร์ตการลงทุนของจะอยู่ประมาณ 1 ล้านบาท เฉพาะที่ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งไม่นับรวมในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์"
"คุณเม" ได้บอกต่ออีกว่า ทองคำก็มีส่วนเข้าไปลงทุนด้วย มันจะเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตอยู่แล้ว ในส่วนของทองคำผมแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 คือทองคำที่เป็นเครื่องประดับ หรือทองรูปพรรณ เป็นแบบทยอยสะสมไม่ได้เยอะมากนัก แต่มีการตั้งเป้าหมายในแต่ละปีไว้ว่า ปีนี้สัก 5 - 10 บาทพอแล้ว ส่วนที่ 2 เป็นในรูปแบบของกองทุนรวมทองคำ ผมถือว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและก็มีความต้องการสูงขึ้นทุก ๆ ปี ฉะนั้นผมจึงใช้กองทุนรวมทองคำที่เป็นอาร์เอ็มเอฟในการลงทุนที่ผมทำเสมออยู่
สุดท้าย "คุณเม" เล่าถึงการทำงานครั้งแรกกับการออมเงินให้ฟังว่าชีวิตเริ่มแรกของการทำงานเป็นวิศวกรอยู่ในส่วนของวิจัยในเครือปูนซิเมนต์ไทย เงินก้อนแรกรายได้ที่เข้ามาส่วนใหญ่จะให้คุณพ่อคุณแม่ก่อน และมีการออมบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็จะทยอยซื้อหุ้นเพราะตอนนั้นทำงานประจำอยู่จังหวัดระยองรายได้ก็โอเคพอสมควร สิ่งที่ทำขนานควบคู่กันไปกับการลงทุนในหุ้น ก็คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ชิ้นแรก และหลังจากนั้นก็เลยมาดูว่า เงินโบนัสที่เข้าในปี ๆ หนึ่ง ก็เป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร เพราะปูนซิเมนท์จ่ายอยู่ประมาณ 5 - 6 เดือน โดยโบนัสบางส่วนเราก็กันไว้ลงทุนกองทุนรวม LTF บางส่วนไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ และก็มีบางส่วนที่เราเก็บไว้แต่ไม่ใช่ในรูปของเงินสด เพราะเรารู้ตัวว่าเราไม่สามารถเก็บเป็นเงินสดได้ เพราะเป็นคนใช้จ่ายค่อนข้างเก่ง ทางเดียวที่ผมสามารถวางแผนให้กับตัวเองได้คือเราก็ตัดเลยว่าเราจะต้องจ่ายอะไรไปบ้าง เงินสดจะได้ไม่ต้องใกล้มือเรามากนัก ซึ่งเงินในบัญชีผมจะมีน้อยมาก ๆ เงินจะถูกเปลี่ยนทันทีในรูปของสินทรัพย์และการลงทุนต่าง ๆ
/////////////////
ชื่อ - นามสกุล ดร. เมธี จันทวิมล
วันเดือนปี 10 กันยายน 2517
การศึกษา 2011 RMA Retirement Management Program, Boston University, USA
2010 RFC Registered Financial Consultants, International Association of Registered Financial Consultants (IARFC), Ohio, USA
2003 PhD วิศวกรรมเคมี University of Missouri-Rolla, Missouri, USA
2002 MS วิศวกรรมระบบ University of Missouri-Rolla, Missouri, USA
1999 MS วิศวกรรมเคมี University of Missouri-Rolla, Missouri, USA
1996 BE วิศวกรรมเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ตำแหน่งปัจจุบัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด
ช่องทางสำหรับการออมระยะยาวเพื่อชีวิตหลังเกษียณอายุมีหลายช่องทาง โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบกองทุน ซึ่งประกอบด้วยกองทุนที่เป็นการออมภาคบังคับ และกองทุนที่เป็นการออมโดยสมัครใจ ซึ่งผู้ออมที่ออมผ่านกองทุนทั้งที่เป็นการออมภาคบังคับและเป็นการออมโดยสมัครใจต่างได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีในหลายด้านเช่น ภาษีเงินได้จากเงินออม โดยเงินออมในแต่ละปีได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี ภาษีเงินได้จากผลตอบแทนจากเงินลงทุน โดยผลตอบแทนที่ได้รับจากเงินออมที่อยู่ในกองทุนได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการลงทุนระยะยาว
เช่นเดียวกับ “ดร. เมธี จันทวิมล” หรือเรียกแบบเป็นกันเองว่า “คุณเม”ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบลงทุนระยะยาวแบบผ่านกองทุนรวม เพราะได้เล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับตอนช่วงเกษียณอายุนั้นเอง
“คุณเม” เริ่มบอกว่า มุมมองการลงทุนส่วนตัวของผมจะเน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลัก โดยลงทุนผ่านสิทธิทางภาษีทั้งหมดทุกอย่างที่รัฐบาลสามารถให้ลงทุนได้ โดยหลัก ๆ ผมจะลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF - RMF รวมถึงประกันชีวิตก็มีเข้าไปลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนของผมจากที่ผมเล่าไป 3 - 4 อย่าง คือผมวางแผนระยะยาวไว้ก่อน ฉะนั้น 15% ที่รัฐบาลให้ลงทุนผมก็ลงทุนเต็มที่ เพราะมันจะสร้างความมั่นใจได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผมเกษียณผมจะมีเงินก้อน ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวม LTF จะมีความผันผวนจากตลาดหุ้น แต่ถ้ามองการลงทุนระยะยาวแล้วยังไงก็ตามยังมีแคปปิตอลเกนอยู่ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนกองทุนรวม RMF ก็ถือ 55% ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรต่อการลงทุน
"อีกจุดหนึ่งที่ผมทำคือ ต้องเรียกว่าเป็นหลักเลยคือผลตอบแทนจากภาษีทุก ๆ ปีที่ลงทุนไป ทั้งกองทุนรวม LTF - RMF รวมถึงประกันชีวิต ทั้งหมดรวม ๆ ถ้าตีง่าย ๆ ก็ประมาณสัก 7 แสนบาท หารภาษีอยู่ที่ 30% ผลจะมีผลตอบแทนจากการหักภาษีอยู่ประมาณที่ 2 แสนกว่าบาท ซึ่งผมก็จะนำเงิน 2 แสนกว่าบาทนี้ เป็นต้นทุนในการลงทุนของทุกปีของผม เป็นเงินต้นทุนใหม่ลงทุนในพอร์ตหุ้น เพราะผมถือว่าเงินก้อนนี้เป็นกำไรอยู่แล้ว ผมจะนำกำไรมาลงทุนในแต่ละปี ดังนั้นพอร์ตการลงทุนของจะอยู่ประมาณ 1 ล้านบาท เฉพาะที่ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งไม่นับรวมในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์"
"คุณเม" ได้บอกต่ออีกว่า ทองคำก็มีส่วนเข้าไปลงทุนด้วย มันจะเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตอยู่แล้ว ในส่วนของทองคำผมแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 คือทองคำที่เป็นเครื่องประดับ หรือทองรูปพรรณ เป็นแบบทยอยสะสมไม่ได้เยอะมากนัก แต่มีการตั้งเป้าหมายในแต่ละปีไว้ว่า ปีนี้สัก 5 - 10 บาทพอแล้ว ส่วนที่ 2 เป็นในรูปแบบของกองทุนรวมทองคำ ผมถือว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและก็มีความต้องการสูงขึ้นทุก ๆ ปี ฉะนั้นผมจึงใช้กองทุนรวมทองคำที่เป็นอาร์เอ็มเอฟในการลงทุนที่ผมทำเสมออยู่
สุดท้าย "คุณเม" เล่าถึงการทำงานครั้งแรกกับการออมเงินให้ฟังว่าชีวิตเริ่มแรกของการทำงานเป็นวิศวกรอยู่ในส่วนของวิจัยในเครือปูนซิเมนต์ไทย เงินก้อนแรกรายได้ที่เข้ามาส่วนใหญ่จะให้คุณพ่อคุณแม่ก่อน และมีการออมบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็จะทยอยซื้อหุ้นเพราะตอนนั้นทำงานประจำอยู่จังหวัดระยองรายได้ก็โอเคพอสมควร สิ่งที่ทำขนานควบคู่กันไปกับการลงทุนในหุ้น ก็คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ชิ้นแรก และหลังจากนั้นก็เลยมาดูว่า เงินโบนัสที่เข้าในปี ๆ หนึ่ง ก็เป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร เพราะปูนซิเมนท์จ่ายอยู่ประมาณ 5 - 6 เดือน โดยโบนัสบางส่วนเราก็กันไว้ลงทุนกองทุนรวม LTF บางส่วนไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ และก็มีบางส่วนที่เราเก็บไว้แต่ไม่ใช่ในรูปของเงินสด เพราะเรารู้ตัวว่าเราไม่สามารถเก็บเป็นเงินสดได้ เพราะเป็นคนใช้จ่ายค่อนข้างเก่ง ทางเดียวที่ผมสามารถวางแผนให้กับตัวเองได้คือเราก็ตัดเลยว่าเราจะต้องจ่ายอะไรไปบ้าง เงินสดจะได้ไม่ต้องใกล้มือเรามากนัก ซึ่งเงินในบัญชีผมจะมีน้อยมาก ๆ เงินจะถูกเปลี่ยนทันทีในรูปของสินทรัพย์และการลงทุนต่าง ๆ
/////////////////
ชื่อ - นามสกุล ดร. เมธี จันทวิมล
วันเดือนปี 10 กันยายน 2517
การศึกษา 2011 RMA Retirement Management Program, Boston University, USA
2010 RFC Registered Financial Consultants, International Association of Registered Financial Consultants (IARFC), Ohio, USA
2003 PhD วิศวกรรมเคมี University of Missouri-Rolla, Missouri, USA
2002 MS วิศวกรรมระบบ University of Missouri-Rolla, Missouri, USA
1999 MS วิศวกรรมเคมี University of Missouri-Rolla, Missouri, USA
1996 BE วิศวกรรมเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ตำแหน่งปัจจุบัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด