ดัชนีเศรษฐกิจของสหรัฐฯสะท้อนทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่เฟดยังคงดอกเบี้ยไว้สำหรับมาตรการผ่อนคลายส่วนยุโรปยังได้แรงหนุนจากศก.ของเยอรมัน โดยที่ภาคการบริการและการส่งออกฟื้นตัวขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯว่า การประชุมเฟดยังคงนโยบายการเงินตามคาด โดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0 - 0.25% และคงวงเงินสำหรับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยที่ เฟดยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่อเนื่องเพียงแต่ยังเป็นอัตราที่ไม่มากเพียงพอที่จะลดการว่างงานได้ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยจะเน้นการแก้ไขปัญหาการค้าที่ไม่สมดุล การลงทุนภาคการศึกษา การปฏิรูปภาษีและการตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.ของสหรัฐฯทำสถิติสูงสุดในรอบแปดเดือน สะท้อนมุมมองที่ดีขึ้นของผู้บริโภคสหรัฐฯ โดย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นจาก 53.3 จุดสู่ระดับ 60.6 จุด จากการที่ผู้บริโภคมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการจ้างงานในอนาคตและการต่ออายุมาตรการภาษีของรัฐซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีเงินใช้จ่ายได้มากขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสอดคล้องกับยอดขายบ้านใหม่และยอดขายบ้านรอปิดการขายในเดือน ธ.ค.ที่ดีกว่าคาดเช่นกัน
ด้านเศรษฐกิจของยุโรป ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเดือนม.ค.ของ EU ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบสองปี ซึ่ง บลจ.ยูโอบี มองว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเดือน ม.ค.อ่อนตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าแต่ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันโดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากเศรษฐกิจเยอรมันที่ยังดีต่อเนื่องถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสเปนและกรีซจะยังได้รับแรงกดดันจากการปรับลดการใช้จ่ายของภาครัฐ นอกจากนี้ดัชนีคำสั่งซื้อผู้จัดการในเดือนม.ค.ที่ขยายตัวดีกว่าคาด ยังคงสะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของภาคการบริการและการส่งออก ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้
ส่วนเศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาส 4 ปรับตัวลงแรงกว่าที่ตลาดคาดจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอยู่ในภาวะถดถอยประกอบกับภาวะหนาวเย็นที่ส่งผลให้ภาคการบริการและการค้าปลีกชะลอตัวลง ทั้งนี้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4 ลดลง 0.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งปรับสูงขึ้น 0.7% ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอยู่ในภาวะถดถอยโดยราคาบ้านปรับลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลง ความยากในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้บริโภค และอัตราการว่างงานที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง นอกจากนี้ภาวะอากาศที่หนาวเย็นในช่วงปลายปีและราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นยังเป็นแรงกดดันต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคด้วย การชะลอตัวดังกล่าวอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดการณ์และส่งผลกระทบต่อค่าเงินปอนด์ได้
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯว่า การประชุมเฟดยังคงนโยบายการเงินตามคาด โดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0 - 0.25% และคงวงเงินสำหรับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยที่ เฟดยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่อเนื่องเพียงแต่ยังเป็นอัตราที่ไม่มากเพียงพอที่จะลดการว่างงานได้ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยจะเน้นการแก้ไขปัญหาการค้าที่ไม่สมดุล การลงทุนภาคการศึกษา การปฏิรูปภาษีและการตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.ของสหรัฐฯทำสถิติสูงสุดในรอบแปดเดือน สะท้อนมุมมองที่ดีขึ้นของผู้บริโภคสหรัฐฯ โดย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นจาก 53.3 จุดสู่ระดับ 60.6 จุด จากการที่ผู้บริโภคมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการจ้างงานในอนาคตและการต่ออายุมาตรการภาษีของรัฐซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีเงินใช้จ่ายได้มากขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสอดคล้องกับยอดขายบ้านใหม่และยอดขายบ้านรอปิดการขายในเดือน ธ.ค.ที่ดีกว่าคาดเช่นกัน
ด้านเศรษฐกิจของยุโรป ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเดือนม.ค.ของ EU ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบสองปี ซึ่ง บลจ.ยูโอบี มองว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเดือน ม.ค.อ่อนตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าแต่ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันโดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากเศรษฐกิจเยอรมันที่ยังดีต่อเนื่องถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสเปนและกรีซจะยังได้รับแรงกดดันจากการปรับลดการใช้จ่ายของภาครัฐ นอกจากนี้ดัชนีคำสั่งซื้อผู้จัดการในเดือนม.ค.ที่ขยายตัวดีกว่าคาด ยังคงสะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของภาคการบริการและการส่งออก ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้
ส่วนเศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาส 4 ปรับตัวลงแรงกว่าที่ตลาดคาดจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอยู่ในภาวะถดถอยประกอบกับภาวะหนาวเย็นที่ส่งผลให้ภาคการบริการและการค้าปลีกชะลอตัวลง ทั้งนี้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4 ลดลง 0.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งปรับสูงขึ้น 0.7% ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอยู่ในภาวะถดถอยโดยราคาบ้านปรับลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลง ความยากในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้บริโภค และอัตราการว่างงานที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง นอกจากนี้ภาวะอากาศที่หนาวเย็นในช่วงปลายปีและราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นยังเป็นแรงกดดันต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคด้วย การชะลอตัวดังกล่าวอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดการณ์และส่งผลกระทบต่อค่าเงินปอนด์ได้
