ASTVผู้จัดการรายวัน- ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เล็งตั้งคณะทำงาน กำหนดทิศทางตลาดทุนไทย 10 ข้างหน้า เพื่อจัดทำแผนพัฒนาตลาดหุ้นไทยใหม่ จากฉบับปัจจุบันจบปี57 เตรียมเชิญ ก.ล.ต.-คลัง –ตลท.ร่วมประชุม 28 มี.ค.นี้ “ไพบูลย์” เผย มีแผนจัดสัมมนาใหญ่ระดับภูมิภาค “ไทยแลนด์แคปปิตอลมาร์เกตซัมมิต”เชิญตลาดหุ้นขนาดใหญ่ของโลกให้มุมทิศทางดำเนินงาน แก่หน่วยงานภาครัฐ-เอกชนไทย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานในการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในอีก 10 ปีข้าง เพื่อนำมาจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่สอง (2558-2563) จากที่แผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดในปี 2557 โดยการที่จะทำแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับใหม่ขึ้นมาได้นั้น จะต้องทราบทิศทางก่อนว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะจัดทำแผนรองรับในการเดินไปข้างหน้าของตลาดหุ้นไทย
สำหรับปัจจุบันตลาดทุนทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตลาดหุ้นในต่างประเทศนั้น มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่เพิ่มมากขึ้น เช่น ตลาดหุ้นออสเตรเลีย มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งแห่ง เพื่อรองรับ นักลงทุนที่มีการซื้อขายหุ้นจำนวนมาก เช่น นักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น (เฮดฟันด์) ทำให้จะต้องมีระบบการซื้อขายที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นจะมีการควบรวมกันมากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก จึงจำเป็นต้องรู้ว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเป็นไปทางไหน
ทั้งนี้แผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับปัจจุบันนั้นเป็นแผนที่จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในอดีตที่เป็นอุปสรรคในการเติบโตของตลาดหุ้นไทย แต่แผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่สองนั้นจะเป็นแผนใหม่ ซึ่งตลาดทุนนั้นมีความสำคัญต่อประเทศนั้นจะต้องมีการจัดทำให้ดี ซึ่งทางสภาธุรกิจตลาดทุนจึงเชิญ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.)เข้ามาร่วมประชุมกับทางสภาธุรกิจตลาดทุนเพื่อที่จะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาก โดยจะมีการประชุมในวันที่ 28 มีนาคมนี้
“ขณะนี้เรายังไม่รู้ว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งถามใครก็ไม่มีใครรู้ โดยทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกมีกทิศทางที่เปลี่ยนไป ซึ่งตลาดหุ้นในต่างประเทศนั้น แต่ละประเทศมีการตั้งตลาดหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น เช่น ตลาดหุ้นออสเตรเลีย และ ทิสทางตลาดหุ้นต่างประเทศมีการควบรวมกันมากชึ่น เช่น ตลาดหุ้นลอนดอน มีการควบรวมกับตลาดหุ้นแคนาดา ตลาดหุ้นสิงคโปร์จะควบรวมกับตลาดหุ้นออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นเทรนที่เกิดขึ้นทั่วโลก แล้วตลาดหุ้นไทยจะไปในทิศทางไหน จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดวิชั่นเพื่อที่จะนำไปทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อเดินหน้าไปตามวิชั่นที่กำหนด”นายไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนี้ทางสภาธุรกิจตลาดุทนไทยจะมีการจัดสัมมนาใหญ่เป็นระดับภูมิภาค “ไทยแลนด์แคปปิตอลมาร์เกตซัมมิต”ซึ่งจะเชิญตลาดหุ้นขนาดใหญ่ของโลกมาพูดถึงทิศทางของตลาดหุ้นว่าจะไปทิศทางไหนและเหตุผลที่จะทำนั้นคืออะไร โดยจะเชิญทางรัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเข้ามาฟัง เพื่อที่จะได้ทราบทิศทางการดำเนินงานของตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในต่างประเทศ โดยในช่วง 1-2 เดือนนี้ ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะมีการจัดสัมมนาในเรื่องการปฏิรูปภาษี
นายไพบูลย์ กล่าวถึงความคืบหน้า เรื่องขยายความรู้ด้านตลาดทุนและความรู้ด้านการเงิน นั้น ขณะนี้ทาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินเรื่องต่อ ซึ่งอาจจะมีการทำใน 2 ส่วน คือให้ความรู้ทางตลาดเงินตลาดทุนครอบคลุมทั่วประเทศตั้งแต่รากหญ้า โดยให้มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน และส่วนที่สอง จะให้ความรู้แก่ที่มีเงินออมอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้เข้ามาลงทุนในตลาดทุน โดยจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 คณะทำงานเพื่อดำเนินงานในเรื่องดังกล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานในการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในอีก 10 ปีข้าง เพื่อนำมาจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่สอง (2558-2563) จากที่แผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดในปี 2557 โดยการที่จะทำแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับใหม่ขึ้นมาได้นั้น จะต้องทราบทิศทางก่อนว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะจัดทำแผนรองรับในการเดินไปข้างหน้าของตลาดหุ้นไทย
สำหรับปัจจุบันตลาดทุนทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตลาดหุ้นในต่างประเทศนั้น มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่เพิ่มมากขึ้น เช่น ตลาดหุ้นออสเตรเลีย มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งแห่ง เพื่อรองรับ นักลงทุนที่มีการซื้อขายหุ้นจำนวนมาก เช่น นักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น (เฮดฟันด์) ทำให้จะต้องมีระบบการซื้อขายที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นจะมีการควบรวมกันมากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก จึงจำเป็นต้องรู้ว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเป็นไปทางไหน
ทั้งนี้แผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับปัจจุบันนั้นเป็นแผนที่จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในอดีตที่เป็นอุปสรรคในการเติบโตของตลาดหุ้นไทย แต่แผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่สองนั้นจะเป็นแผนใหม่ ซึ่งตลาดทุนนั้นมีความสำคัญต่อประเทศนั้นจะต้องมีการจัดทำให้ดี ซึ่งทางสภาธุรกิจตลาดทุนจึงเชิญ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.)เข้ามาร่วมประชุมกับทางสภาธุรกิจตลาดทุนเพื่อที่จะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาก โดยจะมีการประชุมในวันที่ 28 มีนาคมนี้
“ขณะนี้เรายังไม่รู้ว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งถามใครก็ไม่มีใครรู้ โดยทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกมีกทิศทางที่เปลี่ยนไป ซึ่งตลาดหุ้นในต่างประเทศนั้น แต่ละประเทศมีการตั้งตลาดหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น เช่น ตลาดหุ้นออสเตรเลีย และ ทิสทางตลาดหุ้นต่างประเทศมีการควบรวมกันมากชึ่น เช่น ตลาดหุ้นลอนดอน มีการควบรวมกับตลาดหุ้นแคนาดา ตลาดหุ้นสิงคโปร์จะควบรวมกับตลาดหุ้นออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นเทรนที่เกิดขึ้นทั่วโลก แล้วตลาดหุ้นไทยจะไปในทิศทางไหน จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดวิชั่นเพื่อที่จะนำไปทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อเดินหน้าไปตามวิชั่นที่กำหนด”นายไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนี้ทางสภาธุรกิจตลาดุทนไทยจะมีการจัดสัมมนาใหญ่เป็นระดับภูมิภาค “ไทยแลนด์แคปปิตอลมาร์เกตซัมมิต”ซึ่งจะเชิญตลาดหุ้นขนาดใหญ่ของโลกมาพูดถึงทิศทางของตลาดหุ้นว่าจะไปทิศทางไหนและเหตุผลที่จะทำนั้นคืออะไร โดยจะเชิญทางรัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเข้ามาฟัง เพื่อที่จะได้ทราบทิศทางการดำเนินงานของตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในต่างประเทศ โดยในช่วง 1-2 เดือนนี้ ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะมีการจัดสัมมนาในเรื่องการปฏิรูปภาษี
นายไพบูลย์ กล่าวถึงความคืบหน้า เรื่องขยายความรู้ด้านตลาดทุนและความรู้ด้านการเงิน นั้น ขณะนี้ทาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินเรื่องต่อ ซึ่งอาจจะมีการทำใน 2 ส่วน คือให้ความรู้ทางตลาดเงินตลาดทุนครอบคลุมทั่วประเทศตั้งแต่รากหญ้า โดยให้มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน และส่วนที่สอง จะให้ความรู้แก่ที่มีเงินออมอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้เข้ามาลงทุนในตลาดทุน โดยจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 คณะทำงานเพื่อดำเนินงานในเรื่องดังกล่าว