นายกสมาคม บลจ. ชี้ ปีนี้เศรษฐกิจโตได้ 3 - 5% ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวเพิ่ม ขณะที่ราคาทองคำปีนี้ ราคาสั้นยังผันผวน จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อลงทุนผ่านแอลทีเอฟ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด และนายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุนรวม (สมาคม บลจ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโต 3 - 5% โดยตัวขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนจากภาคส่งออกไปเป็นภาคการลงทุน เข้าสู่วงจรการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ และจะสนับสนุนให้การขยายตัวมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้า การบริโภคภาคเอกชนยังเติบโตได้ดี สะท้อนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภค รายได้เกษตรกรที่ขยายตัวสูง และอัตราการว่างงานต่ำ หรือ น้อยกว่า 1.0% ทั้งแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนโตต่อเนื่อง โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น การลงทุนในมาบตาพุดส่วนใหญ่เริ่มก่อสร้างและดำเนินการได้ การเร่งใช้จ่ายลงทุนของโครงการภาครัฐ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชน และกระตุ้นให้เกิด การบริโภคภายในประเทศ EPS มีการเติบโต 16-20% ในปีนี้ ปัจจุบันตลาดซื้อขายที่ พีอี 14 เท่าในปีนี้ แต่เมื่อคิดด้วย EPS ของปีนี้ จะอยู่ที่ พีอี 12 เท่า ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านซึ่งซื้อขายที่ พีอี 13 เท่า อย่างไรก็ตามช่วงตลาดขาขึ้นในอดีต ซื้อขายที่ พีอี 17-20 การปรับตัวขึ้นรอบนี้มีผลประกอบการของ บมจ. ที่ดีขึ้นรองรับ ทั้งนี้ยังคงเน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาคการลงทุนและการบริโภค
ทั้งนี้ผลจากมาตรการ QE2 ที่จะเริ่มเห็นในปีนี้จะทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินสูง และมีส่วนทำให้ผลตอบแทนของหุ้นมี Risk - reward สูงกว่าตราสารหนี้ กลุ่มประเทศเกิดใหม่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสถานะการคลังที่มั่นคงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้เงินไหลเข้าเอเชียเพิ่มขึ้น ความผันผวนต่อราคาหุ้นจะยิ่งเพิ่มขึ้น
สำหรับการขับเคลื่อนราคาทองคำในปีนี้ ซึ่งการพิมพ์ดอลล่าร์เข้าระบบเศรษฐกิจ จึงทำให้ความน่าเชื่อถือต่อดอลล่าร์ลดลง ทำให้ราคาซื้อขายทองคำที่ถูกกำหนดในสกุลดอลล่าร์ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางใช้ถือครองแทนดอลล่าร์มากขึ้น ความต้องการทองคำเพื่อลงทุนทั้งโดยตรงและผ่านกองทุน ETF (Investment demand) จากทั้งภาคเอกชนและธนาคารกลาง เพิ่มมากกว่าการขุดแร่ทองคำจากเหมืองมีการใช้ทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ จากความไม่มั่นคงของระบบการเงินโลก และจากความล้มเหลวทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆ มากขึ้น
"แม้ว่าในระยะสั้นราคาทองคำจะผันผวนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินดอลล่าร์ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ยังไม่สูงมาก แต่ทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะทำให้ราคาทองคำปีหน้ามีโอกาสที่จะขึ้นไประดับ 1,500 -1,600 เหรียญ/OZ นอกจากนั้นอัตราผลตอบแทนเงินฝาก / ตราสารหนี้ ที่อยู่ในระดับต่ำจะทำให้การลงทุนในทองคำมีความน่าสนใจมากกว่า และยังลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนระยะยาวได้"