บลจ.แมนูไลฟ์ ได้อานิสงส์หุ้นวิ่ง ปันผล "แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล" อีก 0.70 บาท ผู้ถือหน่วยเฮรับ 1 เม.ย. นี้ พร้อมประเมินการลงทุนทั้งปี เดินตามทิศทางเศรษฐกิจ จับตาปัจจัยเสี่ยงต่อ คาดดัชนีมีลุ้น 850 จุด
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล (MS-EQ DIV) เป็นครั้งที่ 3 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 มีนาคม 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 1 เมษายน 2553 นี้
โดยการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ เป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 โดยจะจ่ายในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท และจะปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 25 มีนาคม 2553 นี้ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล (MS-EQ DIV) มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท และ ครั้งที่ 2 ปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2553 จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.55 บาท รวม 3 ครั้ง กองทุนจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 1.95 บาท
ทั้งนี้ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผลนี้ สามารถจ่ายปันผลได้สูงสุดถึง 12 ครั้งต่อปี ซึ่งนโยบายของกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาวของหุ้นสามัญในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคำนึงถึงราคาและมูลค่าที่เหมาะสม ปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ ประวัติการจ่ายเงินปันผลรวมถึงแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของหลักทรัพย์นั้นๆ
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน กล่าวเสริมว่า แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ แมนูไลฟ์ยังคงยึดปรัชญาการลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวเป็นบวกในปีนี้ และคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0-3.5 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทเชื่อว่าผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ น่าจะมีทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศ เนื่องจาก valuation และปัจจัยพื้นฐานของตลาดไทยยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชีย โดยยังคงมีค่า Price-to-Book (P/BV) ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอยู่ถึงร้อยละ 20
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมืองในประเทศ แนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะสูงกว่าที่คาด เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนความเสี่ยงจากการทยอยลดสภาพคล่องในระบบการเงินของรัฐบาลกลางประเทศต่างๆ หลังจากที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น แมนูไลฟ์ยังคงคาดการณ์เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2553 ไว้ที่ 850 จุด โดยมีสมมติฐานว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโตประมาณร้อยละ 10 ถึง 15
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล (MS-EQ DIV) เป็นครั้งที่ 3 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 มีนาคม 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 1 เมษายน 2553 นี้
โดยการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ เป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 โดยจะจ่ายในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท และจะปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 25 มีนาคม 2553 นี้ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล (MS-EQ DIV) มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท และ ครั้งที่ 2 ปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2553 จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.55 บาท รวม 3 ครั้ง กองทุนจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 1.95 บาท
ทั้งนี้ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผลนี้ สามารถจ่ายปันผลได้สูงสุดถึง 12 ครั้งต่อปี ซึ่งนโยบายของกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาวของหุ้นสามัญในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคำนึงถึงราคาและมูลค่าที่เหมาะสม ปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ ประวัติการจ่ายเงินปันผลรวมถึงแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของหลักทรัพย์นั้นๆ
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน กล่าวเสริมว่า แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ แมนูไลฟ์ยังคงยึดปรัชญาการลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวเป็นบวกในปีนี้ และคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0-3.5 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทเชื่อว่าผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ น่าจะมีทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศ เนื่องจาก valuation และปัจจัยพื้นฐานของตลาดไทยยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชีย โดยยังคงมีค่า Price-to-Book (P/BV) ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอยู่ถึงร้อยละ 20
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมืองในประเทศ แนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะสูงกว่าที่คาด เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนความเสี่ยงจากการทยอยลดสภาพคล่องในระบบการเงินของรัฐบาลกลางประเทศต่างๆ หลังจากที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น แมนูไลฟ์ยังคงคาดการณ์เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2553 ไว้ที่ 850 จุด โดยมีสมมติฐานว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโตประมาณร้อยละ 10 ถึง 15