xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรเชื่อทองคำ-น้ำมันยังแรง ลดค่าฟีK"GOLD-OIL"ล่อใจนักลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์
บลจ.กสิกรไทยคาดราคาทองคำ-น้ำมันระยะยาวปรับขึ้น เชียร์คนไทยลงทุนเพิ่มทั้ง" K-GOLD -K-OIL" แถมใจป้ำลดค่าธรรมเนียมเอื้อผลประโยชน์อีกต่อ ระบุราคาทองระยะยาวแตะ1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วน 3-6 เดือนข้างหน้าอาจเคลื่อนไหวแคบช่วง 1,050-1,150 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ราคาน้ำมันปีนี้อาจเห็น 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นายธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์ ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดการกองทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากองทุน K-GOLD และกองทุน K-OIL ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ส่งผลให้ทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงที่สุดในอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ ในประเภทเดียวกันโดย ณ วันที่ 19 มีนาคม 2553 กองทุน K-GOLD มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,658.32 ล้านบาท และกองทุน K-OIL มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 708.69 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเอื้อต่อการ เข้าลงทุนของผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำและน้ำมันดิบในอนาคต บริษัทจึงได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) และ กองทุนเปิดเค ออยล์ (K-OIL) จากเดิม 0.30% ลดลงเหลือ 0.15%

“ผู้ที่ชอบการลงทุนในทองคำแท่ง และมีการซื้อขายบ่อยๆและถือในระยะเวลาไม่นานนัก การลงทุนในกองทุน K-GOLD เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุนแฝงจากส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายทองคำแท่งได้ดี เพราะปกติหากลูกค้าทำการซื้อทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาทและขายออกทันที จะขาดทุนจากส่วนต่างนี้ประมาณ 100 บาท ซึ่งเมื่อเราเทียบกับราคาทองคำแท่งปัจจุบันที่ประมาณบาทละ 16,850 บาท คิดเป็นต้นทุนประมาณ 0.60% แต่หากลูกค้าลงทุนในกองทุน K-GOLD และมีการซื้อ-ขายภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน ทั้งค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เราปรับลดลงมา รวมกับค่าธรรมเนียมอื่นๆ แล้ว อยู่ที่ไม่เกิน 0.50% ซึ่งถูกกว่าการซื้อและขายทองคำแท่งโดยตรง นอกจากนี้ ยังไม่ต้องกังวลกับการสูญหายและต้นทุนเกี่ยวกับการ เก็บรักษา” นายธนวัฒน์กล่าว

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มราคาทองคำที่บริษัทคาดการณ์ไว้ในระยะยาวน่าจะปรับตัวสูงกว่า 1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ใน 3-6 เดือนข้างหน้าอาจเคลื่อนไหวแคบๆในช่วง 1,050-1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนในช่วงสั้นประกอบกับเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าต่อเนื่องโดยเฉพาะเทียบค่าเงินยูโรในระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือประเทศกรีซจากกลุ่มสหภาพยูโรส่งผลลบต่อค่าเงินยูโรในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งน่าจะลดแรงกดดันต่อค่าเงินยูโรไปได้บ้างและน่าจะช่วยผลักดันให้ราคาทองคำมีโอกาสขยับขึ้นไปจากช่วงดังกล่าว

"ปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำยังคงมาจากหลายปัจจัย อาทิ แนวโน้มการอ่อนค่าลงต่อเนื่องในระยะยาวของเงินดอลลาร์จากภาวะขาดดุลการคลังสหรัฐฯในระดับสูง และแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ในขณะที่ธนาคารกลางในเอเชียและกลุ่มประเทศเกิดใหม่น่าจะทยอยกลับเข้ามาเพิ่มการถือครองทองคำเพื่อแทนการถือครองดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2553"นายธนวัฒน์กล่าว

ด้านทิศทางการลงทุนในกองทุน K-OIL นายธนวัฒน์กล่าวว่า ยังเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากราคาน้ำมันในปี 2553 ที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง และยังได้ปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มประเทศนอกกลุ่ม OECD ปัจจัยความกังวลถึงปัญหาความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองของประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ

เช่น ปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันของกลุ่มกบฏในประเทศไนจีเรีย ยังคงมีความยืดเยื้อ ซึ่งคาดการณ์ว่าระดับราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในปี 2553 จะอยู่ในช่วงประมาณ 70- 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าราคาเฉลี่ยในปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 62.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
กำลังโหลดความคิดเห็น