ASTVผู้จัดการรายวัน-โบรกเกอร์กองทุนรวม แนะนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นตลาดอิมเมอร์จิ้นมาร์เก็ต โดยเฉพะช่วงที่มีการออกมาตรการหรือ เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ชูกองทุน"กรุงศรี-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์" และ"อเบอร์ดีนโกลบอลอีเมอร์จิ้นมาร์เก็ต" น่าลงทุน
นาย สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีทิศทางที่ดีขึ้นรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปและผ่อนคลายความกังวลกับปัญหาหนี้ประเทศกรีซ แต่เรายังคงวางใจไม่ได้เนื่องจากอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ และปัญหาหนี้แม้จะผ่อนคลายแต่ยังคงต้องจับตาต่อไป
อย่างไรก็ตามเรายังคงแนะนำสะสมหุ้นกลุ่ม Emerging Market โดยเลือกช่วงจังหวะสะสมเมื่อมีการออกมาตรการหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน กองทุนที่แนะนำยังคงเป็น กองทุนเปิดอเบอร์ดีนโกลบอลอีเมอร์จิ้นมาร์เก็ต และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ซึ่งมีลักษณะการเลือกหุ้นที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วและต่อเนื่อง รวมถึงกองทุนกรุงศรี-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมา สำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงช่วงนี้ยังคงแนะนำกองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน ของบลจ.ฟิลลิป ซึ่งหลักทรัพย์ที่ลงทุนมีเป็นตราสารหนี้ ภาครัฐ และเงินฝาก ทั้งหมด ผลการดำเนินงานมีความสม่ำเสมอ แต่ขนาดของกองทุนยังเป็นข้อจำกัด
โดยการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของตลาดสหรัฐ โดยแม้ตัวเลขเกี่ยวกับภาคอังหาฯ จะยังอ่อนแอ และ ธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟด ออกมาส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ Dow Jones ก็ยังสามารถไปได้ต่อ เนื่องจากตลาดให้น้ำหนักไปที่ตัวเลขการด้านแรงงานที่ออกมาดีกว่าที่คาด โดยยอดขอรับสวัสดิการแรงงานลดลงมาอยู่ที่ 469,000 จาก 495,000 ตำแหน่งอัตราว่างงานเดือน กพ คงที่ที่ 9.7% ตำแหน่ง ดีกว่าคาดการณ์ที่ 9.8% ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรก็ลดลงเพียง 36,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 68,000 ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนเองก็ไปต่อได้เช่นกันซึ่งมีปัจจัยบวกจากดัชนีภาคบริการที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 58.4 จาก 54.5 สูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2007 ขณะที่ดัชนีการจ้างงานพนักงานประจำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 มาอยู่ที่ 63.2 จาก 60.5 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนตลาดหลักเอเชียในช่วงที่ผ่านมามีความกังวลเกี่ยวกับการประชุมนโยบายเศรษฐกิจของจีน ส่วนตลาดหุ้นไทยเองก็ยังปิดบวกเช่นกัน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงได้รับแรงสนับสนุนหลักจาก fund flow ของนักลงทุนต่างชาติสะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติยังคงมีมุมมองที่ดีต่อการฟื้นตัวชองเศรษฐกิจไทย รวมทั้ง PEของตลาดที่ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการเมืองยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา
อย่างไรก็ตามการที่ประเทศกรีซออกมาประกาศมาตรการรัดเข็มขัดลดขาดดุลงบประมาณ ทำให้สถานการณ์ในยุโรปคลายความกังวลลง ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในตลาดแรงงานออกมาดีกว่าที่คาดเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางตัวเลข Stock น้ำมันดิบของ EIA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ส่วนราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความผันผวนของค่าเงินทำให้นักลงทุนสนใจที่จะสะสมทองเพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของค่าเงินยูโร ทำให้ Dollar Index (DXYO)ปรับตัวลดลง
นาย สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีทิศทางที่ดีขึ้นรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปและผ่อนคลายความกังวลกับปัญหาหนี้ประเทศกรีซ แต่เรายังคงวางใจไม่ได้เนื่องจากอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ และปัญหาหนี้แม้จะผ่อนคลายแต่ยังคงต้องจับตาต่อไป
อย่างไรก็ตามเรายังคงแนะนำสะสมหุ้นกลุ่ม Emerging Market โดยเลือกช่วงจังหวะสะสมเมื่อมีการออกมาตรการหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน กองทุนที่แนะนำยังคงเป็น กองทุนเปิดอเบอร์ดีนโกลบอลอีเมอร์จิ้นมาร์เก็ต และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ซึ่งมีลักษณะการเลือกหุ้นที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วและต่อเนื่อง รวมถึงกองทุนกรุงศรี-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมา สำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงช่วงนี้ยังคงแนะนำกองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน ของบลจ.ฟิลลิป ซึ่งหลักทรัพย์ที่ลงทุนมีเป็นตราสารหนี้ ภาครัฐ และเงินฝาก ทั้งหมด ผลการดำเนินงานมีความสม่ำเสมอ แต่ขนาดของกองทุนยังเป็นข้อจำกัด
โดยการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของตลาดสหรัฐ โดยแม้ตัวเลขเกี่ยวกับภาคอังหาฯ จะยังอ่อนแอ และ ธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟด ออกมาส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ Dow Jones ก็ยังสามารถไปได้ต่อ เนื่องจากตลาดให้น้ำหนักไปที่ตัวเลขการด้านแรงงานที่ออกมาดีกว่าที่คาด โดยยอดขอรับสวัสดิการแรงงานลดลงมาอยู่ที่ 469,000 จาก 495,000 ตำแหน่งอัตราว่างงานเดือน กพ คงที่ที่ 9.7% ตำแหน่ง ดีกว่าคาดการณ์ที่ 9.8% ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรก็ลดลงเพียง 36,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 68,000 ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนเองก็ไปต่อได้เช่นกันซึ่งมีปัจจัยบวกจากดัชนีภาคบริการที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 58.4 จาก 54.5 สูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2007 ขณะที่ดัชนีการจ้างงานพนักงานประจำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 มาอยู่ที่ 63.2 จาก 60.5 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนตลาดหลักเอเชียในช่วงที่ผ่านมามีความกังวลเกี่ยวกับการประชุมนโยบายเศรษฐกิจของจีน ส่วนตลาดหุ้นไทยเองก็ยังปิดบวกเช่นกัน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงได้รับแรงสนับสนุนหลักจาก fund flow ของนักลงทุนต่างชาติสะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติยังคงมีมุมมองที่ดีต่อการฟื้นตัวชองเศรษฐกิจไทย รวมทั้ง PEของตลาดที่ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการเมืองยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา
อย่างไรก็ตามการที่ประเทศกรีซออกมาประกาศมาตรการรัดเข็มขัดลดขาดดุลงบประมาณ ทำให้สถานการณ์ในยุโรปคลายความกังวลลง ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในตลาดแรงงานออกมาดีกว่าที่คาดเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางตัวเลข Stock น้ำมันดิบของ EIA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ส่วนราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความผันผวนของค่าเงินทำให้นักลงทุนสนใจที่จะสะสมทองเพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของค่าเงินยูโร ทำให้ Dollar Index (DXYO)ปรับตัวลดลง