ผู้ชุมนุมกรีซบุกยึดกระทรวงการคลัง ประท้วงรัฐออกมาตรการรีดเงิน-งดโบนัส

เอเจนซี - กลุ่มผู้ประท้วงกรีซบุกยึดกระทรวงการคลังเมื่อวันพฤหัสบดี(4) ขณะที่สหภาพต่างๆเรียกร้องผละงานประท้วง 3 ชั่วโมงในวันศุกร์ ตามหลังความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อนๆต่อมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลที่เกิดจากวิกฤตหนี้สินของประเทศ

รัฐบาลกรีซ มีมติออกมาตรการเข้มงวดด้านงบประมาณยิ่งขึ้นอีกในวันพุธ(3) ด้วยการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มไป 2% เป็น 21%, การขึ้นภาษีเงินได้แก่ผู้ที่มีรายได้สูง, การเพิ่มภาษีที่เก็บจากทรัพย์สินขนาดใหญ่ รถหรู เครื่องเพชร สุรา และบุหรี่ ตลอดจนด้วยการลดรายจ่ายด้านเงินพิเศษที่ให้แก่ข้าราชการและพนักงานภาครัฐ, การระงับไม่ให้เพิ่มเงินบำนาญในภาครัฐ ทั้งนี้การขึ้นภาษีและลดรายจ่ายเหล่านี้จะทำให้ลดการขาดดุลงบประมาณในปีนี้ลงได้ 4,800 ล้านยูโร

มาตรการดังกล่าวสร้างความโกรธกริ้วแก่ประชาชน โดยกลุ่มผู้ประท้วงกรีซ ราว 70 คนได้บุกยึดกระทรวงการคลังอย่างสันติในวันพฤหัสบดี(4) พร้อมกับขัดขวางข้าราชการไม่ให้เข้าไปภายใน ขณะที่ตำรวจก็ไม่ได้เข้ามาขัดขวางแต่อย่างใด

อีกด้านหนึ่งกลุ่มต่างๆ ไล่ตั้งแต่ผู้นิยมอนาธิปไตยไปจนถึงพนักงานโรงแรม วางแผนประท้วงในใจกลางกรุงเอเธนส์ ตามหลังในวันเดียวกันนี้ “มันเป็นความรู้สึกช็อก เรากำลังพูดถึงการตัดสินใจที่รุนแรง” คอสตาส ปานาโกปูลอส นักวิเคราะห์รายหนึ่งบอก หลังจากรัฐบาลเปิดเผยมาตรการล่าสุดเพื่อจัดการกับปัญหาหนี้สาธารณะกว่า 3 แสนล้านยูโร ที่เขย่าเศรษฐกิจของยูโรโซน

“ผมคาดหมายว่าผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในวันอาทิตย์(ในหนังสือพิมพ์) จะสร้างความยากลำบากแก่รัฐบาล” เขากล่าว หลังจากโพลต่างๆ ที่สำรวจก่อนหน้ามาตรการลดรายจ่ายระลอกใหม่ พบว่าประชาชนมากกว่าครึ่งยังคงให้การสนับสนุนความพยายามจัดการวิกฤตของรัฐบาล

ทั้งนี้ มาตรการเข้มงวดด้านงบประมาณ ด้วยการลดรายจ่ายด้านเงินพิเศษที่ให้แก่ข้าราชการและพนักงานภาครัฐและขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 2% กลายเป็นข่าวพาดหัวครึกโครมในกรีซ ไล่ตั้งแต่ “ช็อก!” ในหนังสือพิมพ์ลิเบรัล ทา นีอา เดลลร ไปจนถึง “พระเจ้าช่วยด้วย” ของหนังสือพิมพ์แนวอนุรักษนิยมอะโพเกฟมาตินี

นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังเป็นหัวข้อสนทนาตามร้านค้าและมุมถนนต่างๆ ในเอเธนส์ ที่ความเห็นที่พบบ่อยที่สุดคือแสดงความข้องใจว่าทำไมคนยากจนต้องจ่ายเงินชดเชยสำหรับความผิดพลาดของพวกคนรวย

ปานาโกปูลอสบอกว่า รัฐบาลต้องลงมืออย่างรวดเร็วเพื่อพิสจน์ให้ประชาชนเห็นว่ามาตรการดังกล่าวนี้ได้ผล “ถ้าผลสำรวจความคิดเห็นเชื่อว่าการเสียสละครั้งนี้สามารถมอบความหวังสำหรับอนาคตของประเทศ ผมก็เชื่อว่ารัฐบาลจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้”

“แต่อีกด้านหนึ่ง หากหลังผ่านไป 2, 3 หรือ 4 สัปดาห์ สถานการณ์ยังคงเหมือนเดิม นี่จะกลายเป็นปัญหาหนัก ไม่ใช่แต่สำหรับรัฐบาลแต่ยังเป็นปัญหาสาหัสต่อระบบการเมืองของเราด้วย" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนอาจทำลายระบบการเมืองและนำไปสู่การล้มสลายของรัฐบาล

อนึ่ง ทางสหภาพแรงงานเอกชนจีเอสอีอีและสหภาพแรงงานภาครัฐเอดีอีดีวาย ซึ่งเป็นตัวแทนของคนทำงานมากกว่า 5 ล้านคน ได้เรียกร้องสมาชิกผละงานประท้วงนับตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันศุกร์(5) ตามเวลาท้องถิ่นและร่วมชุมนุมบริเวณรอบนอกรัฐสภา