ผู้ถือหน่วยกองทุนอสังหาฯทียูโดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ รอปันผลต่อ หลังบลจ.ไอเอ็นจี งดจ่ายปันผล เหตุผลงานไตรมาส 4 ปี 52 ยังขาดทุน แต่ยังเอาใจลูกค้า คืนเงินต้นให้หน่วยลงทุนละ 0.077 บาท 13 มีนาคมนี้
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริม
ทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ทางบลจ.ไอเอ็นจี จะงดการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึง 31 ธันวาคม 2552
เนื่องจากกองทุนมียอดขาดทุนสุทธิอันเนื่องมาจากการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของราคาประเมินของสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์
โดยบริษัทจะทำการลดเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนโดยการลดมูลค่าของหน่วยลงทุนลงในอัตรา หน่วยลงทุนละ 0.077 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินเฉลี่ยคืนจากการลดเงินทุนจดทะเบียนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 31 มีนาคม 2553 นี้
ซึ่งการลดเงินทุนจดทะเบียนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่อง ส่วนเกินจากกรณีที่กองทุนมีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเนื่องจากการ ลดลงของราคาประเมินของสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ และรายการค่าใช้จ่ายในการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนตัดจ่าย ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริงในงวดการดำเนินงานนี้
โดยทางบลจ.จะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินเฉลี่ยคืนจากการลดเงินทุนจดทะเบียน ในวันที่ 19 มีนาคม 2553 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ นั้นยังคงมีต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทพีซีวี ดีเวลล๊อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 154,282,792.18 บาท จากกองทุน บริษัท ซีแอล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยอ้างเหตุว่ากองทุนรวมผิดสัญญาต่อพีซีซีอันเกี่ยวกับการปรับปรุงพื้นที่พลาซ่าของอาคารหอพัก นักศึกษา 3 อาคาร และอาคารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์
ซึ่ง Mr. Grant Bailey กรรมการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าการฟ้องร้องคดีกองทุน TU-PF ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมาได้มียื่นคำให้การต่อศาลแพ่ง และศาลได้รับคำให้การทั้งสองฉบับไว้พิจารณาแล้ว โดยบริษัท ซีแอล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
ในฐานะจำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การเพื่อประสงค์จะฟ้องแย้งต่อพีซีซี โดยศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำให้การของซีแอลไปเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2553 และศาลได้มีคำสั่งให้เลื่อนวันนัดชี้สองสถานจากเดิมคือวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ไปเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2553นี้
อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ไขกรณีการก่อสร้างในส่วนพลาซ่าและเซอร์วิสอพาร์เม้นท์นั้น เราได้ทำการคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและวิเคราะห์ปริมาณงานตามรายงานที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยบริษัทจัดการได้เลือก บริษัท เคพีเค ควอนติตี้ เซอร์เวเยอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเป็นผู้ประเมินมูลค่างานที่ได้ลงทุนไปแล้วจริง ตลอดจนประเมินมูลค่างานคงเหลือที่จะทำให้การปรับปรุงอาคารแล้วเสร็จ โดยเคพีเคอยู่ระหว่างศึกษาเอกสารและรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ยังได้เเต่ตั้งที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามรายงานที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยบริษัทจัดการได้เลือก บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดทำรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการโดยละเอียด
โดยคอลลิเออร์สอยู่ระหว่างศึกษาเอกสารและรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยในส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาดังกล่าว ทางบลจ.ไอเอ็จี จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น โดยมิได้เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมแต่อย่างใดอีกด้วย
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริม
ทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ทางบลจ.ไอเอ็นจี จะงดการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึง 31 ธันวาคม 2552
เนื่องจากกองทุนมียอดขาดทุนสุทธิอันเนื่องมาจากการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของราคาประเมินของสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์
โดยบริษัทจะทำการลดเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนโดยการลดมูลค่าของหน่วยลงทุนลงในอัตรา หน่วยลงทุนละ 0.077 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินเฉลี่ยคืนจากการลดเงินทุนจดทะเบียนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 31 มีนาคม 2553 นี้
ซึ่งการลดเงินทุนจดทะเบียนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่อง ส่วนเกินจากกรณีที่กองทุนมีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเนื่องจากการ ลดลงของราคาประเมินของสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ และรายการค่าใช้จ่ายในการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนตัดจ่าย ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริงในงวดการดำเนินงานนี้
โดยทางบลจ.จะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินเฉลี่ยคืนจากการลดเงินทุนจดทะเบียน ในวันที่ 19 มีนาคม 2553 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ นั้นยังคงมีต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทพีซีวี ดีเวลล๊อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 154,282,792.18 บาท จากกองทุน บริษัท ซีแอล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยอ้างเหตุว่ากองทุนรวมผิดสัญญาต่อพีซีซีอันเกี่ยวกับการปรับปรุงพื้นที่พลาซ่าของอาคารหอพัก นักศึกษา 3 อาคาร และอาคารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์
ซึ่ง Mr. Grant Bailey กรรมการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าการฟ้องร้องคดีกองทุน TU-PF ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมาได้มียื่นคำให้การต่อศาลแพ่ง และศาลได้รับคำให้การทั้งสองฉบับไว้พิจารณาแล้ว โดยบริษัท ซีแอล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
ในฐานะจำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การเพื่อประสงค์จะฟ้องแย้งต่อพีซีซี โดยศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำให้การของซีแอลไปเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2553 และศาลได้มีคำสั่งให้เลื่อนวันนัดชี้สองสถานจากเดิมคือวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ไปเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2553นี้
อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ไขกรณีการก่อสร้างในส่วนพลาซ่าและเซอร์วิสอพาร์เม้นท์นั้น เราได้ทำการคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและวิเคราะห์ปริมาณงานตามรายงานที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยบริษัทจัดการได้เลือก บริษัท เคพีเค ควอนติตี้ เซอร์เวเยอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเป็นผู้ประเมินมูลค่างานที่ได้ลงทุนไปแล้วจริง ตลอดจนประเมินมูลค่างานคงเหลือที่จะทำให้การปรับปรุงอาคารแล้วเสร็จ โดยเคพีเคอยู่ระหว่างศึกษาเอกสารและรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ยังได้เเต่ตั้งที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามรายงานที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยบริษัทจัดการได้เลือก บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดทำรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการโดยละเอียด
โดยคอลลิเออร์สอยู่ระหว่างศึกษาเอกสารและรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยในส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาดังกล่าว ทางบลจ.ไอเอ็จี จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น โดยมิได้เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมแต่อย่างใดอีกด้วย
