ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตำรวจภาค 3 โคราช รวบกู้ภัยแสบ ตั้งตัวเป็นนายหน้าตระเวนหลอกขายรถยนต์ให้เต็นท์รถมือ 2 แต่ไม่ส่งรถให้ก่อนเชิดเงินหนีลอยนวล ล่าสุดจนมุมตำรวจขณะกบดานที่อยุธยาพร้อมรถยนต์ สมุดบัญชีธนาคาร เอกสารของกลางจำนวนมาก ตรวจพบเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารหลายล้าน ตร.เร่งขยายผลผู้ร่วมขบวนการ เตือนปชช.ที่เคยตกเป็นเหยื่อให้ตรวจสอบและแจ้งความเพิ่มได้ที่ ตร.ภาค 3
วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อม พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตม์งาม รอง ผบช.ภ. 3 และ พล.ต.ต.นิคม อินเฉิดฉาย ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน โดยได้ผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ นายพงษ์กิต ประตาเจริญ หรือ นายอนุวัฒน์ ปะตา อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 53 ม. 7 ต.ผไทรินทร์ และ ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด.380 มม. วอเทอร์พีพีเค จำนวน 1 กระบอก แม็กกาซีน 1 อัน กระสุนปืน 6 นัด ซองปืนอีก 1 อัน , รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าวิช สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ศง 5629 กรุงเทพฯ 1 คัน ,ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ 1 เล่ม,สมุดบัญชีเงินฝาก 6 เล่ม, บัตรเอทีเอ็ม7 ใบ, แบบหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์จำนวน 12 แผ่น, บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่กู้ภัย และวิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง รวมถึงเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์อีกจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวผู้ต้องมาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 สืบทราบว่า นายพงษ์กิต ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนครราชสีมาที่ 28/253 ลงวันที่ 16 ก.พ. 2553 ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น” ได้หลบหนีไปอยู่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถ.พหลโยธินขาออก ม .1 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
จากการสอบสวน นายพงษ์กิต ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ประกอบอาชีพเป็นนายหน้าซื้อขายรถยนต์และมีอาชีพเป็นอาสาสมัครกู้ภัยใน จ.บุรีรัมย์ จะติดต่อซื้อขายรถยนต์กับเต็นท์รถมือสองตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเริ่มต้นซื้อขายจากรถยนต์ราคาไม่แพงอยู่ที่ 2-3 แสนบาท เมื่อซื้อขายผ่านไป 2-3 คัน จนได้รับความไว้วางใจจากเต็นท์รถแล้ว ก็จะเสนอจัดหารถยนต์ราคาแพงถึงหลักล้านบาทขายให้กับเต็นท์รถ โดยหลอกลวงให้โอนเงินค่ารถให้ก่อน เมื่อได้รับเงินที่โอนแล้วก็หลบหนีไปและทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบว่านายพงษ์กิต เดินทางไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) บ่อยครั้ง ซึ่งอ้างว่าไปเที่ยว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเพราะรถยนต์คันที่ถูกยึดมาได้ในครั้งนี้ ไม่ใช่ชื่อของนายพงษ์กิต ซึ่งจะได้สอบสวนหารายละเอียดที่แท้จริงต่อไป ซึ่งหากประชาชนได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดของนายพงษ์กิต สามารถติดต่อตรวจสอบและแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมได้ ที่กองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมาได้