xs
xsm
sm
md
lg

2เดือนกองทุนรวมวูบ3.6หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กองทุนรวมยังแข่งเดือน บลจ.เข็นบอนด์กิมจิลงสนาม หวังรักษาฐานลูกค้ากองเก่าที่ทยอยครบอายุ ล่าสุด ผ่านไป 2 เดือน เงินลงทุนทั้งระบบยังวูบกว่า 3.6 หมื่นล้าน เหตุผลตอบแทนกองใหม่ทรุด ชดเชยกองเก่าไม่ได้ทั้งหมด ด้านบลจ.ไทยพาณิชย์ ยังรั้งเบอร์หนึ่งธุรกิจกองทุนรวม ด้วยสินทรัพย์กว่า 4.07 แสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแข่งขันในธุรกิจกองทุนรวมในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา เป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะสนามของคู่แข่งรายใหญ่ที่มีแบงก์แม่ช่วยหนุน ซึ่งภาพรวมการแข่งขันดังกล่าว เน้นไปที่กองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ออกมาเพื่อรักษาฐานลูกค้าจากกองทุนเก่าที่ทยอยครบอายุโดยเฉพาะ

เนื่องจากผลตอบแทนหลังจากหักต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงแล้ว ยังสูงกว่าพันะบัตรและเงินฝากในประเทศ ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนในหุ้นเอง ก็ค่อนข้างผันผวนจากปัจจัยทางการเมือง

ทั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจว่า ช่วงหนึ่งของกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ มีจำนวนกองทุนใหม่ออกมาน้อยลง เนื่องจากผลตอบแทนสุทธิที่ได้จากการลงทุนลดน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนระหว่างกองทุนเก่าและกองทุนใหม่ไม่สอดคล้องกัน

ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนโยกเงินลงทุนที่ครบอายุแล้วไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น หรือไม่มีการลงทุนต่อ จึงทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของหลายๆ บลจ. ลดลงจากปีที่แล้ว

จากการสำรวจเงินลงทุนในกองทุนรวม ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา พบว่า มีเงินลงทุนทั้งระบบอยู่ที่ 1,809,619.96 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินลงทุนที่ลดลงประมาณ 36,036.50 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวม 1,845,656.47 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2552 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หากสำรวจเงินลงทุนของบริษัทจัดการกองทุนที่มีสินทรัพย์สูงสุด 5 อันดับแรกในส่วนของกองทุนรวม พบว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังคงเป็นบลจ.ที่มีสินทรัพย์เป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 407,288.39 ล้านบาท แต่โดยรวมแล้ว ลดลงจากปลายปีที่แล้วถึง 11,069.22 ล้านบาท

ในขณะที่คู่แข่งรายสำคัญอย่างบลจ.กสิกรไทย ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยเงินลงทุนรวมกว่า 377,153.19 ล้านบาท และเช่นเดียวกัน เงินลงทุนลดลงกว่า 6,426.64 ล้านบาทจากปีก่อน ส่วนบลจ.บัวหลวง ยังคงอยู่ที่อันดับ 3 ด้วยสินทรัพย์รวม 167,124.47 ล้านบาท แม้สินทรัพย์จะขยับเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 3,636.88 ล้านบาท

สำหรับอันดับ 4 และอันดับ 5 ประกอบด้วย บลจ.เอ็มเอฟซีและบลจ.กรุงไทย ตามลำดับ โดยบลจ.เอ็มเอฟซี มีเงินลงทุนรวม 147,947.11 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,472.49 ล้านบาท

ในขณะที่ บลจ.กรุงไทย มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 147,691.29 ล้านบาท ลดลงกว่า 2,353.01 ล้านบาทจากเงินลงทุนรวมช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หากรวมธุรกิจจัดการกองทุนทั้ง 3 อุตสาหกรรม ซึ่งประกอบด้วย กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พบว่า บลจ.กสิกรไทย มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม

โดยล่าสุด มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารของบริษัท(เอยูเอ็ม) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 508,629.92 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในธุรกิจจัดการกองทุน และถือเป็นบริษัทแรกแรกในประเทศไทยที่มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้บริหารมากกว่า 500,000 ล้านบาท

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจของผู้ลงทุนที่มีต่อบริษัททั้งในด้านการบริหารกองทุนที่มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมาตลอดระยะเวลา 17 ปี

แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะประสบวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจหลายครั้ง แต่บริษัทก็สามารถใช้ความเป็นมืออาชีพบริหารกองทุนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวได้ และทำให้กองทุนมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ดีสม่ำเสมอ

รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกลงทุนหลากหลายครบทุกระดับความเสี่ยง ซึ่งเป็นหลักในการดำเนินงานที่บลจ.กสิกรไทย จะยึดถือปฏิบัติตลอดไป

ทั้งนี้ การขยายตัวของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิดังกล่าว มาจาก 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1.จากการดำเนินงานของธุรกิจกองทุนรวม 383,579.84 ล้านบาท 2.ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 53, 441.11 ล้านบาท และสุดท้ายธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 71,608.97 ล้านบาท และส่งให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ บลจ.กสิกรไทยในปี 2552 เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ถึง 155,985.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตถึงร้อยละ 44.23
กำลังโหลดความคิดเห็น