"บลจ.อเบอร์ดีน" คาด แบงก์ชาติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ประมาณ 0.5-1.0% ชี้ ตราสารหนี้ปีนี้ยังน่าสนใจแนะลงทุนโดยลดอายุเฉลี่ยลง
นายณศุภกร ตุลยธัญ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ ประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยว่า ในปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะเป็นการพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ และอุปสงค์ภายในประเทศ ให้มีความมั่นคงและแข็งแกร่ง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการปรับขึ้นสูงมากนักซึ่งน่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้นประมาณ 0.5-1.0% เนื่องจากยังคงต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยที่ยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ ซึ่งในการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น คาดว่าไม่น่าจะมีการปรับในเร็วๆ นี้ เพราะเนื่องจากยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงยังไม่มีความจำเป็นที่ธนาคารพาณิชย์จะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อระดมทุน
ทั้งนี้ ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นนั้นจะส่งผลเชิงลบต่อราคาของตราสารหนี้ ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ในปีนี้ อาจจะไม่ได้เห็นอัตราผลตอบแทนที่สูงเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา แต่ยังถือว่ายังมีความน่าสนใจอยู่ เพียงแต่นักลงทุนเองจะต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงทางด้านราคาเพราะการลงทุนในตราสารหนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนและยังเป็นที่พักเงินด้วยเช่นกัน ส่วนความเสี่ยงในด้านการของการบริหารกองทุนรวมตราสารหนี้นั้น หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ กองทุนรวมที่ไม่ได้เตรียมตัวจะทำให้เกิดการขาดทุนจากราคาได้
นายศุภกร ยังได้แนะนำการลงทุนตราสารหนี้ด้วยว่า ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านราคา สามารถควบคุมได้โดยการลดอายุเฉลี่ย (ดูเรชั่น) ของตราสารหนี้ลง โดยที่กองทุนเปิด อเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินของอเบอร์ดีนนั้น ได้มีการปรับระยะเวลาของอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ให้สั้นลงอยู่ที่ประมาณ 0.08 ปี และการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินนั้นมีสภาพคล่องมากกว่าเงินฝากประจำที่จะต้องกำหนดระยะเวลาในการถือครอง
นายณศุภกร ตุลยธัญ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ ประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยว่า ในปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะเป็นการพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ และอุปสงค์ภายในประเทศ ให้มีความมั่นคงและแข็งแกร่ง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการปรับขึ้นสูงมากนักซึ่งน่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้นประมาณ 0.5-1.0% เนื่องจากยังคงต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยที่ยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ ซึ่งในการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น คาดว่าไม่น่าจะมีการปรับในเร็วๆ นี้ เพราะเนื่องจากยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงยังไม่มีความจำเป็นที่ธนาคารพาณิชย์จะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อระดมทุน
ทั้งนี้ ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นนั้นจะส่งผลเชิงลบต่อราคาของตราสารหนี้ ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ในปีนี้ อาจจะไม่ได้เห็นอัตราผลตอบแทนที่สูงเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา แต่ยังถือว่ายังมีความน่าสนใจอยู่ เพียงแต่นักลงทุนเองจะต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงทางด้านราคาเพราะการลงทุนในตราสารหนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนและยังเป็นที่พักเงินด้วยเช่นกัน ส่วนความเสี่ยงในด้านการของการบริหารกองทุนรวมตราสารหนี้นั้น หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ กองทุนรวมที่ไม่ได้เตรียมตัวจะทำให้เกิดการขาดทุนจากราคาได้
นายศุภกร ยังได้แนะนำการลงทุนตราสารหนี้ด้วยว่า ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านราคา สามารถควบคุมได้โดยการลดอายุเฉลี่ย (ดูเรชั่น) ของตราสารหนี้ลง โดยที่กองทุนเปิด อเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินของอเบอร์ดีนนั้น ได้มีการปรับระยะเวลาของอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ให้สั้นลงอยู่ที่ประมาณ 0.08 ปี และการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินนั้นมีสภาพคล่องมากกว่าเงินฝากประจำที่จะต้องกำหนดระยะเวลาในการถือครอง