ASTVผู้จัดการรายวัน- ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย คาด ความต้องการทองคำในช่วงตรุษจีน และความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนพร้อมกับสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยบวกทำให้ราคาทองคำเตรียมปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ถึงเเนวโน้มราคาทองคำในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ราคาทองคำน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไปตามฤดูกาล โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกได้แก่ การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ ความต้องการที่แข็งแกร่งจากกลุ่มผู้ซื้อในตลาดส่งมอบปัจจุบัน (Spot) ได้หนุนความน่าดึงดูดใจในการลงทุนในทองคำ ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบคาดว่าในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวน จากความกังวลของตลาดต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบของสหรัฐฯและจีน จากมาตรการที่เศรษฐกิจที่คาดว่าจะตึงตัวขึ้น
สำหรับการแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยของเดือน ก.พ.นี้คาดว่าจะเริ่มเห็นการเข้าลงทุยในหุ้นรายตัว ตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 บ้าง หลังจากที่ราคาหุ้นมีการปรับฐษนลงมา แต่ดัชนีไม่น่าขยับขึ้นไปได้ไกล เนื่องจากในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นถึง 63% ซึ่งเป็นการรับข่าวในทางบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมาแล้ว ดังนั้นตลาดอยู่ในช่วงรอคอยปัจจัยใหม่ๆที่จะเข้ามากระตุ้นการลงทุนต่อไป
โดยปัจจัยภายนอกประเทศที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ฯ ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญโดยเฉพาะของสหรัฐฯ และจีน ส่วนปัจจัยภายในประเทศได้เเก่ การเมือง ตัวเลขเศรษฐกิจของไทย และผลประกอบการที่จะประกาศออกมา
ขณะที่ตลาด FX Markets ในช่วงนี้นั้น ปัญหาฐานะทางการคลังของกรัซและประเทศอื่นๆในยูโรโซน ยังจะกดดันความเชื่อมั่นต่อเงินยูโรต่อไป และมีผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ส่วนค่าเงินบาทนั้นจะถูกกระทบจากที้งการแข็งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและปัจจัยต่างๆในประเทศ ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนลงในระยะสั้นนี้ แต่ในระยะปานกลาง KTAM ยังมองว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยเติบโตเร็วกว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยของไทยจะถูกปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ
ฝ่ายวิจัย KTAM ยังมองอีกว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 3.9% เป็นผลจากการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกระตุ้นจากมาตรการไทยเข็มแข็ง ขณะที่การนำเข้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนกดดันไม่ให้เกิดดุลการค้ามากเหมือนปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือด้านราคาเริ่มหมดไป ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีนี้
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ถึงเเนวโน้มราคาทองคำในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ราคาทองคำน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไปตามฤดูกาล โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกได้แก่ การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ ความต้องการที่แข็งแกร่งจากกลุ่มผู้ซื้อในตลาดส่งมอบปัจจุบัน (Spot) ได้หนุนความน่าดึงดูดใจในการลงทุนในทองคำ ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบคาดว่าในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวน จากความกังวลของตลาดต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบของสหรัฐฯและจีน จากมาตรการที่เศรษฐกิจที่คาดว่าจะตึงตัวขึ้น
สำหรับการแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยของเดือน ก.พ.นี้คาดว่าจะเริ่มเห็นการเข้าลงทุยในหุ้นรายตัว ตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 บ้าง หลังจากที่ราคาหุ้นมีการปรับฐษนลงมา แต่ดัชนีไม่น่าขยับขึ้นไปได้ไกล เนื่องจากในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นถึง 63% ซึ่งเป็นการรับข่าวในทางบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมาแล้ว ดังนั้นตลาดอยู่ในช่วงรอคอยปัจจัยใหม่ๆที่จะเข้ามากระตุ้นการลงทุนต่อไป
โดยปัจจัยภายนอกประเทศที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ฯ ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญโดยเฉพาะของสหรัฐฯ และจีน ส่วนปัจจัยภายในประเทศได้เเก่ การเมือง ตัวเลขเศรษฐกิจของไทย และผลประกอบการที่จะประกาศออกมา
ขณะที่ตลาด FX Markets ในช่วงนี้นั้น ปัญหาฐานะทางการคลังของกรัซและประเทศอื่นๆในยูโรโซน ยังจะกดดันความเชื่อมั่นต่อเงินยูโรต่อไป และมีผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ส่วนค่าเงินบาทนั้นจะถูกกระทบจากที้งการแข็งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและปัจจัยต่างๆในประเทศ ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนลงในระยะสั้นนี้ แต่ในระยะปานกลาง KTAM ยังมองว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยเติบโตเร็วกว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยของไทยจะถูกปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ
ฝ่ายวิจัย KTAM ยังมองอีกว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 3.9% เป็นผลจากการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกระตุ้นจากมาตรการไทยเข็มแข็ง ขณะที่การนำเข้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนกดดันไม่ให้เกิดดุลการค้ามากเหมือนปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือด้านราคาเริ่มหมดไป ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีนี้