xs
xsm
sm
md
lg

จบปีวัวBRICยิลด์พุ่ง95% กองหุ้นไทยไม่น้อยหน้ากำไรเฉียด80%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำรวจผลงานกองทุนหุ้นรอบปี 52 "BRIC" กำไรอู้ฟู่ ดันผลตอบแทน "กรุงศรี-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์" ค่ายเอวายเอฟ พุ่ง 95.60% อานิสงส์หุ้นประเทศเกิดใหม่ฟื้น ด้านหุ้นไทยไม่น้อยหน้า "ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว" ผลตอบแทนสูงสุด 79.83%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2552 ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงของการฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินที่มีต้นตอมาจากแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา แต่ผลจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ ทำให้การฟื้นตัวเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง จนผ่านจุดต่ำสุดไปในที่สุด และกลุ่มประเทศที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนก็เป็นกลุ่มประเทศเกิดใหม่เป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มเอเชียและยุโรป ซึ่งจากการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดนี้เอง ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนตลอดทั้งปี 2552 อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงพอสมควร

ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนรวมตลอดปี 2552 พบว่า กองทุนเปิดกรุงศรี-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์ ภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 95.60% ซึ่งกองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ 4 ประเทศ ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน (BRIC) โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ฟื้นตัวในระดับสูงจากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

นอกจากนี้ กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศเอเชียเอง ก็ให้ผลตอบแทนดีเช่นกัน โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 2 ของกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) อยู่ที่ 88.28% อันดับ 3 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชี่ยน อิควิตี้ ฟันด์ ของบลจ.เอ็มเอฟซี ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 78.72% อันดับ 4 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป เอฟไอเอฟ ของบลจ.แมนูไลฟ์ ให้ผลตอบแทนทั้งปีที่ 77.82% และอันดับ 5 กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์ ฟันด์ ที่ให้ผลตอบแทน 68.25% ซึ่งกองทุนนี้ มีนโยบายลงทุนในหุ้น 2 ประเทศหลักอย่างจีนและอินเดีย

สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2552 พบว่า ผลตอบแทนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุผลเดียวกันคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่จากบรรยากาศในตลาดหุ้นไทยเองที่มีปัจจัยในประเทศกดดัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง การปล่อยข่าวลือไม่เป็นมงคล รวมถึงปัญหาการระงับโครงการมาบตาพุด จึงส่งผลให้การฟื้นตัวน้อยกว่ากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน

โดยกองทุนหุ้นที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดในรอบปี 2552 คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ภายใต้การบริหารของบลจ.ทิสโก้ ซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 78.96% ตามมาด้วยอีก 3 กองทุนของบลจ.ทิสโก้ นั่นคือ กองทุนเปิดทิสโก้ ทวีทุน ที่ให้ผลตอบแทน 78.94% กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล ด้วยผลตอบแทน 78.44% และกองทุนเปิด ทีซีเอ็ม หุ้นทุน ให้ผลตอบแทน 78.32% ส่วนอันดับ 5 ได้แก่กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ ของบลจ.แมนูไลฟ์ ด้วยผลตอบแทน 76.10%

ทั้งนี้ หากดูแยกเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นเช่นกัน พบว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 79.83% อันดับ 2 กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล ของบลจ.ทิสโก้ ด้วยผลตอบแทน 78.07% อันดับ 3 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว ของบลจ. แมนูไลฟ์ กับผลตอบแทน 76.36% อันดับ 4 กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อีกหนึ่งกองทุน ซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 75.16% และอันดับ 5 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว ของบลจ. เอ็มเอฟซี ซึ่งให้ผลตอบแทนในรอบปี 2552 อยู่ที่ 69.67%

ส่วนการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าปี 2552 ที่ผ่านมา ตราสารหนี้ต่างประเทศได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผลมาจากผลตอบแทนหลังหักต้นทุนป้องกันความเสี่ยงค่าเงินแล้ว สูงกว่าผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศที่ต่ำติดดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้เอง ก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่มีเครดิตเรตติ้งสูง ทั้งนี้ เพื่อหลีกเสี่ยงความเสี่ยงการผิดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ นอกเหนือไปจากนั้น กองทุนรวมตลาดเงินหรือมั่นนี่มาร์เก็ตเอง ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย จากนักลงทุนที่ต้องการพักเงินเพื่อหนีความเสี่ยง
กำลังโหลดความคิดเห็น