บลจ.ทิสโก้เตรียมเลิกกองตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 2 ตั้งแต่ 13 มกราคมนี้ นักลงทุนเตรียมรับเงินคืนพร้อมผลตอบแทนประมาณ 2.4% ต่อปี ส่วนอีก 5 กองทุนที่เหลือเตรียมทยอยครบกำหนดต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์ดอกเบี้ยแดนโสมยังทรงตัวระดับต่ำ แต่คาดมีแนวโน้มปรับขึ้น
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะทำการยกเลิกกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 2 ในวันที่ 13 มกราคม 2553 เพราะเหตุครบกำหนดอายุโครงการตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนโครงการ
โดยบริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดของผู้ถือหน่วยลงทุนแต่ละรายโดยอัตโนมัติในวันที่ 12 มกราคม 2553 และจะจ่ายเงินให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกท่านต่อไป
สำหรับ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 2 มีอายุโครงการ 6 เดือน โดยเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐบาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้จะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราอัตรแลกเปลี่ยนเต็มอัตราอีกด้วย
อนึ่ง การลงทุนในกองทุนนี้คาดว่าจะมีผลตอบแทนให้นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 2.4% ต่อปี ซึ่งต่างจากกองทุนแรกที่จะมียิลด์ประมาณ 2.5-2.9% เนื่องจากกองทุนชมีระยะเวลาการลงทุนแค่ 6 เดือนส่วนกองแรกจะมีอายุโครงการถึง 1 ปี
ทั้งนี้ กองทุนพันธบัตรเกาหลีภายใต้การดูแลของบลจ.ทิสโก้ มีอยู่ทั้งหมด 6 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 1-6 และกองทุนดังกล่าวข้างต้นเป็นกองทุนแรกที่ครบอายุโครงการ ส่วนที่เหลืออีก 5 กองทุนจะทยอยครบอายุตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป
โดยกองทุนเปิดตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 1 มีอายุ 1 ปีเปิดขายช่วงเดือนมิถุนายน 2552 กองทุนเปิดตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 3 อายุ 1 ปีเปิดขายช่วงเดือน กรกฎาคม 2522 และกองทุนเปิดตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 4 อายุ 1 ปีเปิดขายช่วงเดือนกันยายน 2552
ขณะที่ กองทุนเปิด ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 5 อายุ 9 เดือนเปิดขายช่วงเดือนตุลาคม 2552 และกองทุน เปิด ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 6 อายุ 2 ปีเปิดขายในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 ส่วนแนวโน้มของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่การเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยภาพรวมอัตราดอกเบี้ยของประเทศเกาหลีขณะนี้น่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว และน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปอีกสักระยะ ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนคงจะต้องรอดูอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ว่าจะสามารถปรับขึ้นได้หรือไม่ และจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศเกาหลีน่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้ก่อนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
