บลจ.ทหารไทย เผย ปีหน้า เตรียมออกกองทุนใหม่ทดแทนกองพันธบัตรเกาหลีใต้ ระบุแนวโน้มเงินจะไหลเข้าลงทุนในหุ้นมากขึ้น ขณะที่กองจีนกับกองทองคำ ยังคงไปได้ดี แต่ยังต้องจับตามองทิศทางดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก
นายธีระศันส์ ทุติยะโพธิ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีช่วงนี้กองทุนทหารไทย China Equity Index มีการเติบโตไปในทางที่ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของจีนยังคงมีการเติบโตอยู่แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมาบ้างก็ตาม ส่วนแนวโน้มของกองทุนในปีหน้านั้น มองว่าเศรษฐกิจของประเทศจีน ยังคงเติบโตต่อไปได้อีก แต่ปัจจัยที่ต้องจับตามองคือเรื่องของค่าเงินหยวน ซึ่งมีทิศทางว่าอาจจะแข็งค่าขึ้นมาได้ในปีหน้า
ส่วนกองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ นั้น มองว่า ทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้นมีการปรับตัวขึ้นไปมากเนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลงมา แต่ในปี 2553 นั้นคาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯน่าจะทรงตัวหรืออาจแข็งค่าขึ้นมาได้จากทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงมาได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางถึงระยะยาวแล้วคาดว่าทองคำยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับนักลงทุนอยู่ ดังนั้นแล้วเชื่อว่าในระยะยาวหากถือทองคำไว้น่าจะส่งผลดีอย่างแน่นอน
"ในช่วงที่ผ่านมาเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงมา แต่ในปีหน้าคาดว่าน่าจะแข็งค่าขึ้นหรือทรงตัว ดังนั้นต้องจับตาดูที่เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลักรวมไปถึงกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศด้วย เพราะจะส่งผลถึงผลตอบแทนในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย " นายธีระศันส์ กล่าว
นายธีระศันส์ กล่าวต่อว่า ในปีหน้าทาง บลจ. ทหารไทย เตรียมที่จะออกกองทุนใหม่ ซึ่งอาจเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือกองทุนที่ลงทุนในนํ้ามัน เนื่องจากในปีหน้านั้น กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้จะครบกำหนด ดังนั้น จึงต้องหาสินทรัพย์เพื่อรองรับเม็ดเงินลงทุนเหล่านั้นที่จะกลับมา โดยกำลังมองทิศทางของเศรษฐกิจในต่างประเทศรวมถึงทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ว่าในปีหน้าจะเป็นอย่างไร
"ในปีหน้าทางบลจ.ทหารไทยต้องออกกองทุนเพื่อทดแทนกองทุนบอนด์เกาหลีใต้อย่างแน่นอน เพราะคาดว่าในปีหน้ากองบอนด์เกาหลีใต้ไม่น่าดีเท่าปีนี้ เนื่องจากเม็ดเงินน่าจะไปลงทุนในหุ้นกันมากขึ้น" ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กล่าว
นายธีระศันส์ ทุติยะโพธิ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีช่วงนี้กองทุนทหารไทย China Equity Index มีการเติบโตไปในทางที่ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของจีนยังคงมีการเติบโตอยู่แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมาบ้างก็ตาม ส่วนแนวโน้มของกองทุนในปีหน้านั้น มองว่าเศรษฐกิจของประเทศจีน ยังคงเติบโตต่อไปได้อีก แต่ปัจจัยที่ต้องจับตามองคือเรื่องของค่าเงินหยวน ซึ่งมีทิศทางว่าอาจจะแข็งค่าขึ้นมาได้ในปีหน้า
ส่วนกองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ นั้น มองว่า ทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้นมีการปรับตัวขึ้นไปมากเนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลงมา แต่ในปี 2553 นั้นคาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯน่าจะทรงตัวหรืออาจแข็งค่าขึ้นมาได้จากทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงมาได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางถึงระยะยาวแล้วคาดว่าทองคำยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับนักลงทุนอยู่ ดังนั้นแล้วเชื่อว่าในระยะยาวหากถือทองคำไว้น่าจะส่งผลดีอย่างแน่นอน
"ในช่วงที่ผ่านมาเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงมา แต่ในปีหน้าคาดว่าน่าจะแข็งค่าขึ้นหรือทรงตัว ดังนั้นต้องจับตาดูที่เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลักรวมไปถึงกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศด้วย เพราะจะส่งผลถึงผลตอบแทนในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย " นายธีระศันส์ กล่าว
นายธีระศันส์ กล่าวต่อว่า ในปีหน้าทาง บลจ. ทหารไทย เตรียมที่จะออกกองทุนใหม่ ซึ่งอาจเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือกองทุนที่ลงทุนในนํ้ามัน เนื่องจากในปีหน้านั้น กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้จะครบกำหนด ดังนั้น จึงต้องหาสินทรัพย์เพื่อรองรับเม็ดเงินลงทุนเหล่านั้นที่จะกลับมา โดยกำลังมองทิศทางของเศรษฐกิจในต่างประเทศรวมถึงทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ว่าในปีหน้าจะเป็นอย่างไร
"ในปีหน้าทางบลจ.ทหารไทยต้องออกกองทุนเพื่อทดแทนกองทุนบอนด์เกาหลีใต้อย่างแน่นอน เพราะคาดว่าในปีหน้ากองบอนด์เกาหลีใต้ไม่น่าดีเท่าปีนี้ เนื่องจากเม็ดเงินน่าจะไปลงทุนในหุ้นกันมากขึ้น" ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กล่าว
