บลจ.อเบอร์ดีน ปลื้ม ปีนี้ขายกองทุนได้ทะลุเป้า หลังนักลงทุนแห่ลงทุนกอง FIF ของบริษัทล้นหลาม ทั้งกองจีนและตลาดเกิดใหม่ รวมถึงกองทุน LTFและRMF ที่ยังมีลูกค้าเข้ามาลงทุนจำนวนมาก เผย ปีหน้า เน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นและให้ความรู้ในเรื่องการลงทุนเช่นเดิม
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า ตลอดทั้งปี 2552 บลจ.อเบอร์ดีนได้ประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่ายกองทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) อย่างกองทุน กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ (ABCG)กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ (ABGEM) และ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากให้เชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของ บลจ.อเบอร์ดีนมาก
โดยส่งผลให้ มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เฉพาะกองทุน FIF ของอเบอร์ดีนนั้น มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมกองทุนรวมทั้งหมด ขณะที่กองทุนหุ้นในประเทศนั้น มีเงินเข้ามาลงทุนบ้างไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะไปเน้นลงทุนในกองทุน LTF-RMF เป็นหลัก โดยลูกค้าที่เข้ามาลงทุนก็เป็นลูกค้าเดิมที่ชอบการลงทุนในสไตน์ของอเบอร์ดีนซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว
"จากในช่วงเทศกาลของกองทุน LTFและRMF นั้นพบว่า มีลูกค้าที่เข้ามาลงทุนทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าในการลงทุนในลักษณะที่ใช้เงินลงทุนให้ทำงานแทนตนเองในระยะยาวซึ่งก็ได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม" หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน กล่าว
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปี 2553 ทางอเบอร์ดีนจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าที่ใกล้เคียงกับลูกค้าเก่าที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน ผ่านตัวแทนจำหน่ายกองทุนของบริษัท ขณะเดียวกันก็ยังคงเดินไปออกไปพบปะลูกค้าเพื่อให้ความรู้ในการลงทุนด้วยเช่นเดิม ซึ่งในปีหน้านั้น ยังคงเน้นให้ความรู้ในเรื่องของการลงทุนในระยะยาว มากกว่าการจับจังหวะลงทุนเพื่อเก็งกำในระยะสั้น
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า ตลอดทั้งปี 2552 บลจ.อเบอร์ดีนได้ประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่ายกองทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) อย่างกองทุน กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ (ABCG)กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ (ABGEM) และ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากให้เชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของ บลจ.อเบอร์ดีนมาก
โดยส่งผลให้ มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เฉพาะกองทุน FIF ของอเบอร์ดีนนั้น มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมกองทุนรวมทั้งหมด ขณะที่กองทุนหุ้นในประเทศนั้น มีเงินเข้ามาลงทุนบ้างไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะไปเน้นลงทุนในกองทุน LTF-RMF เป็นหลัก โดยลูกค้าที่เข้ามาลงทุนก็เป็นลูกค้าเดิมที่ชอบการลงทุนในสไตน์ของอเบอร์ดีนซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว
"จากในช่วงเทศกาลของกองทุน LTFและRMF นั้นพบว่า มีลูกค้าที่เข้ามาลงทุนทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าในการลงทุนในลักษณะที่ใช้เงินลงทุนให้ทำงานแทนตนเองในระยะยาวซึ่งก็ได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม" หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน กล่าว
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปี 2553 ทางอเบอร์ดีนจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าที่ใกล้เคียงกับลูกค้าเก่าที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน ผ่านตัวแทนจำหน่ายกองทุนของบริษัท ขณะเดียวกันก็ยังคงเดินไปออกไปพบปะลูกค้าเพื่อให้ความรู้ในการลงทุนด้วยเช่นเดิม ซึ่งในปีหน้านั้น ยังคงเน้นให้ความรู้ในเรื่องของการลงทุนในระยะยาว มากกว่าการจับจังหวะลงทุนเพื่อเก็งกำในระยะสั้น
