คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย ฑิฆัมพร วิชัยธรรมธร
ผู้จัดการกองทุน บลจ.ทิสโก้
ภาวะการลงทุนในวันนี้มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ณ เวลานั้น นักลงทุนมีความกังวลต่อการถดถอยทางเศรษฐกิจและการล้มละลายของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลงเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เศรษฐกิจโลก ณ วันนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดและกำลังเข้าสู่ระยะฟื้นตัว โดยตามประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในปี พ.ศ. 2553 ของกลุ่มประเทศก้าวหน้าและกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ของเอเชียจะขยายตัวในอัตราร้อยละ 1.3 และ 3.6 ตามลำดับ
ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ของเอเชีย ดังนั้น การลงทุนในกองทุนรวมน้ำมันจึงเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเศรษฐกิจฟื้นตัว อีกทั้งเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและยังสามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ในอีกทางหนึ่ง
เมื่อพิจารณาด้านอุปสงค์และอุปทานพบว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะยาวเนื่องจากความต้องการพลังงานมีทิศทางเพิ่มขึ้นมากในช่วงปี ค.ศ. 2010 ถึง 2030 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน อินเดีย และกลุ่มประเทศนอก OECD ในทางกลับกัน อุปทานของน้ำมันค่อนข้างตึงตัว เนื่องจากการสำรวจและผลิตน้ำมันจากแหล่งใหม่ต้องใช้มูลค่าเงินลงทุนสูง ดังนั้น การสำรวจบ่อน้ำมันใหม่จึงไม่คุ้มค่าในช่วงที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้กองทุนรวมน้ำมันเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนคือ ความสามารถในการรักษาอำนาจซื้อ กล่าวคือค่าใช้จ่ายต่างๆในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะได้รับการชดเชยจากผลตอบแทนของการลงทุนในกองทุนน้ำมันที่มากขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลดีจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีทิศทางอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลจากการขาดดุลบัญชีงบประมาณและดุลบัญชีเดินสะพัดโดยคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 10 และ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศสหรัฐตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากการลดสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ด้วยเหตุนี้ การลดลงของราคาน้ำมันในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะการลงทุนที่ดีเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น โดยการลงทุนในน้ำมันดิบที่ราคาปัจจุบันจะให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 10 ต่อปี (ราคาของสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดไนเม็กซ์อายุ 1 ปี ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2552 อยู่ที่ 80.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล)
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปีหน้า อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลาง รวมถึงการลดมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะถัดไป
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน