บลจ.แมนูไลฟ์ เชื่อศักยภาพจีนยังแกร่ง แผนกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผล ไม่หวั่นเกิดภาวะฟองสบู่ เหตุมีเงินทุนสำรองรองรับ แจงผลงาน กองทุนเปิด "แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ" ยังแจ๋ว ล่าสุด ปรับพอร์ตลดสัดส่วนเงินสด โดดเก็บหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกเข้าพอร์ต ดันผลตอบแทนย้อนหลังรอบ 3 เดือนอยู่ที่ 15.18%
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจีนเมื่อเปรียบเทียบเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป อังกฤษ พบว่า ภูมิภาคเอเชียยังถือว่ามีความน่าสนใจในการลงทุน เพราะเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้อีก โดยเฉพาะภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่โตขึ้นประมาณ 8.8-8.9% ซึ่งมาจากตัวเลขเศรษฐกิจ การส่งออก ภาคการลงทุน รวมไปถึงการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมไปถึงประเทศจีนทำให้จีดีพีปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 6.9 % ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจในอีกหลายประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 8% จนถึงติดลบในบางประเทศ ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายบ้านปรับตัวลดลงตามไปด้วย
"จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในประเทศจีน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงไปอีก ซึ่งเป็นการคิดในด้านลบมากเกินไป โดยหากมองถึงภาพรวมเศรษฐกิจ จีนมีเงินทุนสำรองมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเงินดังกล่าวทำให้จีนสามารถที่จะนำเงินเหล่านี้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจหรือทำอะไรได้อีกมากมาย จึงเป็นการยากมากที่จีนจะปล่อยให้เกิดภาวะฟองสบู่ขึ้นได้"นายสุขวัฒน์กล่าว
สำหรับกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ที่ผ่านมา ทางกองทุนหลัก Manulife Global Fund-China Value Fund (Class A) ได้มีการบริหารปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง โดยถือเงินสดไว้ในพอร์ตการลงทุนประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุน แต่เมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นได้มีการลดสัดส่วนของเงินสดลงเหลือเพียง 5% ของพอร์ต ซึ่งกองทุนได้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และราคาลดลงเข้ามาลงทุนในพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากสิ้นปี 2551ถึง 30 ตุลาคม 2552 ที่ 47%
ในส่วนของผู้จัดการกองทุน Manulife Global Fund-China Value Fund (Class A) มีความคิดเห็นว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกองทุนปรับตัวขึ้น 6% โดยดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ดัชนี FTSE All WldGreater China Index) อย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี FTSE All Wld Greater China Index ได้ปรับขึ้นเพียง 2.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งผลการดำเนินงานที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในเดือนนี้เป็นผลมาจากการเลือกหุ้นด้วยวิธีแบบ bottom-up
ทั้งนี้ การเลือกลงทุนในหุ้นด้วยวิธี bottom-up โดยไม่ได้ให้น้ำหนักการลงทุนตามเกณฑ์มาตรฐานทำให้กองทุนได้ลงทุนในหุ้นด้วยมูลค่าที่ถูกต้อง ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานของกองทุน โดยไม่รวมถึงการให้น้ำหนักการลงทุนในไต้หวัน ซึ่งตามหลังประเทศอื่นๆ ในเอเชียซึ่งไต้หวันได้รับผลกระทบจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ตาม การเลือกลงทุนในระยะยาวในกลุ่มบริษัทรับประกันภัยต่อของจีน กลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพและกลุ่มยานยนต์ในที่สุดก็ได้ผลดีกลับมา เมื่อตลาดเริ่มตระหนักถึงศักยภาพในการเติบโตเป็นอย่างมากของกลุ่มการลงทุนเหล่านี้นอกจากนี้ การเลือกลงทุนกลุ่มปโภค-บริโภคในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มการลงทุนในระยะยาวของกองทุนจะช่วยหนุนให้เกิดผลการดำเนินงานที่ดี
โดย ผลตอบแทนของกองทุนย้อนหลัง ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2552 พบว่ากองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 15.18% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.26% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 19.12% เกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 15.29% ย้อนหลัง 1 ปี 64.75% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 71.18% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานคือFTSE All-Wld Greater China Index.FTSE All-Wld Greater China Index.
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจีนเมื่อเปรียบเทียบเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป อังกฤษ พบว่า ภูมิภาคเอเชียยังถือว่ามีความน่าสนใจในการลงทุน เพราะเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้อีก โดยเฉพาะภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่โตขึ้นประมาณ 8.8-8.9% ซึ่งมาจากตัวเลขเศรษฐกิจ การส่งออก ภาคการลงทุน รวมไปถึงการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมไปถึงประเทศจีนทำให้จีดีพีปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 6.9 % ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจในอีกหลายประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 8% จนถึงติดลบในบางประเทศ ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายบ้านปรับตัวลดลงตามไปด้วย
"จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในประเทศจีน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงไปอีก ซึ่งเป็นการคิดในด้านลบมากเกินไป โดยหากมองถึงภาพรวมเศรษฐกิจ จีนมีเงินทุนสำรองมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเงินดังกล่าวทำให้จีนสามารถที่จะนำเงินเหล่านี้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจหรือทำอะไรได้อีกมากมาย จึงเป็นการยากมากที่จีนจะปล่อยให้เกิดภาวะฟองสบู่ขึ้นได้"นายสุขวัฒน์กล่าว
สำหรับกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ที่ผ่านมา ทางกองทุนหลัก Manulife Global Fund-China Value Fund (Class A) ได้มีการบริหารปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง โดยถือเงินสดไว้ในพอร์ตการลงทุนประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุน แต่เมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นได้มีการลดสัดส่วนของเงินสดลงเหลือเพียง 5% ของพอร์ต ซึ่งกองทุนได้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และราคาลดลงเข้ามาลงทุนในพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากสิ้นปี 2551ถึง 30 ตุลาคม 2552 ที่ 47%
ในส่วนของผู้จัดการกองทุน Manulife Global Fund-China Value Fund (Class A) มีความคิดเห็นว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกองทุนปรับตัวขึ้น 6% โดยดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ดัชนี FTSE All WldGreater China Index) อย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี FTSE All Wld Greater China Index ได้ปรับขึ้นเพียง 2.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งผลการดำเนินงานที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในเดือนนี้เป็นผลมาจากการเลือกหุ้นด้วยวิธีแบบ bottom-up
ทั้งนี้ การเลือกลงทุนในหุ้นด้วยวิธี bottom-up โดยไม่ได้ให้น้ำหนักการลงทุนตามเกณฑ์มาตรฐานทำให้กองทุนได้ลงทุนในหุ้นด้วยมูลค่าที่ถูกต้อง ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานของกองทุน โดยไม่รวมถึงการให้น้ำหนักการลงทุนในไต้หวัน ซึ่งตามหลังประเทศอื่นๆ ในเอเชียซึ่งไต้หวันได้รับผลกระทบจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ตาม การเลือกลงทุนในระยะยาวในกลุ่มบริษัทรับประกันภัยต่อของจีน กลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพและกลุ่มยานยนต์ในที่สุดก็ได้ผลดีกลับมา เมื่อตลาดเริ่มตระหนักถึงศักยภาพในการเติบโตเป็นอย่างมากของกลุ่มการลงทุนเหล่านี้นอกจากนี้ การเลือกลงทุนกลุ่มปโภค-บริโภคในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มการลงทุนในระยะยาวของกองทุนจะช่วยหนุนให้เกิดผลการดำเนินงานที่ดี
โดย ผลตอบแทนของกองทุนย้อนหลัง ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2552 พบว่ากองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 15.18% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.26% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 19.12% เกณฑ์มาตรฐานเท่ากับ 15.29% ย้อนหลัง 1 ปี 64.75% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 71.18% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานคือFTSE All-Wld Greater China Index.FTSE All-Wld Greater China Index.