xs
xsm
sm
md
lg

ฟิลลิปชี้อานิสงส์ราคาทองคำพุ่ง ดันนักลงทุนโยกเงินซื้อเก็บเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ฟิลลิป ชี้นักลงทุนทยอยตบเท้าเข้ามาลงทุนทองคำเพียบ หลังราคาทองคำทยานถีบตัวสูงขึ้น ด้านศูนย์วิจัยกสิกรเผยพุ่งทะลุประวัติศาสตร์กว่า 1,164.85 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ คาดราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีกจนถึงปีหน้า
นายวรรธนะ วงศ์ศรีนิล
นายวรรธนะ วงศ์ศรีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะราคาทองคำที่มีการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ส่งผลให้นักลงทุนหลายรายต่างทยอยเข้ามาเก็งกำไรในทองคำกันเป็นจำนวนมาก เพราะการลงทุนในทองคำถือว่ามีความปลอดภัยและความเสี่ยงน้อยสุด ซึ่งการลงทุนทองคำส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี หรือตกต่ำการลงทุนในทองคำหรือซื้อเก็บไว้อาจจะเป็นทุนสำรองได้ในอนาคต

"ต้องยอมรับว่าราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงพอสมควร ส่งผลให้มีการเก็งกำไรของนักลงทุนมากขึ้น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากว่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามาก ราคาทองคำจึงสูงขึ้นตาม นอกจากนี้แล้วการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ต่างได้รับการตอบรับจากนักลงทุนกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน" นายวรรธนะ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป กล่าวต่อไปว่า ส่วนผลเสียของการราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้คงเป็นในเรื่องของการโยกย้ายเงินลงทุนจากเดิมที่นักลงทุนอาจจะลงทุนอย่างอื่นไว้ แต่ขณะนี้กลับต้องโยกเงินมาลงทุนในทองคำ ทำให้การลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ อาจจะซบเซาลงไม่คึกคักมากกว่าการลงทุนในทองคำ

ขณะเดียวกันรายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาทองคำโลกได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 1,164.85 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2552 ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดครั้งใหม่ตามไปด้วย โดยราคาทองคำแท่งเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 18,350 บาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาทองคำดังกล่าว มีสาเหตุหลักจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่หนุนความต้องการถือครองทองคำทั้งในวัตถุประสงค์ของการเป็นวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ อุตสาหกรรมฟัน และอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงความต้องการลงทุนในทองคำผ่านกองทุน ETF ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ก็มีส่วนหนุนความต้องการลงทุนในทองคำเช่นกัน เมื่อมองไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

ทั้งนี้ จากโอกาสการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะถัดไป คงจะทำให้การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจมากขึ้น โดยช่องทางการลงทุนในทองคำแต่ละประเภทก็จะมีคุณสมบัติและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น นักลงทุนอาจต้องเลือกลงทุนในทองคำตามวัตถุประสงค์ของตน หากนักลงทุนมีความต้องการลงทุนในระยะยาวและสะสมความมั่งคั่งในอนาคต อาจเลือกลงทุนในทองรูปพรรณหรือทองคำแท่ง แต่ถ้านักลงทุนเน้นการเก็งกำไรในระยะสั้น ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในการคาดการณ์ราคาทองคำและสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจเลือกลงทุนในสัญญา Gold Futures ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีเวลาในการติดตามทิศทางของราคาทองคำ รวมทั้งไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนในทองคำ อาจเลือกลงทุนผ่านช่องทางกองทุนรวม เพราะนอกจากเงินลงทุนจะถูกบริหารโดยมืออาชีพแล้ว ก็ยังใช้เงินลงทุนขั้นต่ำไม่สูงมากนัก ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรตระหนักถึงอัตราผลตอบแทนที่ตนเองคาดหวังและระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
กำลังโหลดความคิดเห็น